นายพิชิต วิวัฒน์รุจิราพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เน็ตเบย์ จำกัด (มหาชน) หรือ NETBAYเปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดการณ์ภาพรวมการทำธุรกรรมผ่านระบบออนไลน์ในไทยมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการที่รัฐบาลมีนโยบายขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ Thailand 4.0 โดยส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆนำนวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการขับเคลื่อนองค์กร ซึ่งส่งผลให้ผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆ ต้องปรับตัวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) เช่น การปรับเปลี่ยนวิธีการทำธุรกรรมมาสู่ระบบออนไลน์ ทดแทนการทำธุรกรรมด้วยกระบวนการแบบดั้งเดิม ซึ่งช่วยเพิ่มความรวดเร็วและขีดความสามารถในการแข่งขันที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าว บริษัทฯ จึงวางแผนดำเนินงานในปี 2560 ที่ต้องการผลักดันรายได้จากการให้บริการ เติบโตจากปีก่อน โดยเฉพาะการขยายฐานลูกค้าให้บริการในกลุ่ม e-Business Services ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับสถาบันการเงินผ่านระบบที่บริษัทฯ พัฒนา และกลุ่ม e-Trade Finance Supply Chain (เดิมคือกลุ่ม e-Logistics Trading)ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทำธุรกรรมการนำเข้าและส่งออกผ่านระบบที่บริษัทฯ พัฒนา ที่คาดว่าจะมีปริมาณการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งจากฐานลูกค้าเดิมและการขยายฐานลูกค้าใหม่ในภาคเอกชน
นอกจากนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างพัฒนาซอฟท์แวร์ที่เป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อขยายการให้บริการทำธุรกรรมในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าในอนาคต โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาซอฟท์แวร์ที่จะขยายการให้บริการทำธุรกรรมทางออนไลน์ในรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้น หลังจากในปีนี้ได้เริ่มทดลองให้บริการชำระภาษีรถยนต์ทางออนไลน์ให้แก่ผู้ประกอบการเช่าซื้อรถยนต์ (ลีสซิ่ง) ที่ต้องการทำธุรกรรมกับกรมการขนส่งทางบก
"เรามองว่าการพัฒนา Digital Business Technology Platform ถือเป็นหัวใจในการให้บริการ Software as a Service ในยุคนี้และยังสามารถเติบโตได้อย่างมีศักยภาพในอนาคต เนื่องจากเรามีรายได้ประจำที่ค่อนข้างมั่นคงจากปริมาณ Transaction ของฐานลูกค้าเก่าและผู้ประกอบการภาคเอกชนรายใหม่ๆ ที่เข้ามาใช้บริการทำธุรกรรมผ่านระบบของเราเพิ่มขึ้น เนื่องจากสะดวกและรวดเร็วกว่าการทำธุรกรรมด้วยเอกสาร ขณะเดียวกัน เราได้พัฒนารูปแบบการให้บริการธุรกรรมออนไลน์ใหม่ๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต" นายพิชิต กล่าว