ประชาชนร้อยละ 30.57 ทราบความหมายของ Thailand 4.0 ว่าคืออะไร ขณะที่ 62.74% เชื่อว่า Thailand 4.0 จะช่วยเพิ่มความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้ แต่ร้อยละ 59.36 ไม่เชื่อว่า Thailand 4.0 จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชากรในประเทศได้จริง

พุธ ๒๙ มีนาคม ๒๐๑๗ ๑๐:๓๑
ศ. ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานกรรมการอาวุโส ,อาจารย์พรพิสุทธิ์ มงคลวนิช ประธานกรรมการ ,ดร.พิสิฐ พฤกษ์สถาพร กรรมการรองผู้อำนวยการ และอาจารย์วัฒนา บุญปริตร กรรมการรองผู้อำนวยการสำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (ระดับอุดมศึกษา) แถลงผลการสำรวจความรับรู้และความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งได้ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 13 ถึง 17 มีนาคม พ.ศ. 2560 จากกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 1,181 คน

ศ.ดร.ศรีศักดิ์กล่าวว่า ในปัจจุบันรัฐบาลมีแนวคิดในการพัฒนาประเทศไทยให้ไปสู่ยุค 4.0 คือการนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีมาเป็นส่วนประกอบสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศจึงได้กำหนดนโยบายที่เรียกว่าไทยแลนด์ 4.0 ขึ้น ทั้งนี้ไทยแลนด์ 4.0 (Thailand 4.0) เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย ที่เปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยในยุคไทยแลนด์ 4.0 นี้คือการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม เช่น ในด้านการเกษตรคือเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิม ไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ ที่เน้นการบริหารจัดการและใช้เทคโนโลยีหรือ Smart Farming ในด้านวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมคือเปลี่ยนจากการบริหารแบบเดิมไปเป็น Smart Enterprises และ Startups ที่มีศักยภาพสูง ด้านบริการคือเปลี่ยนจากรูปแบบบริการแบบเดิมซึ่งมีการสร้างมูลค่าค่อนข้างต่ำ ไปสู่บริการที่มีมูลค่าสูง และในด้านแรงงานคือเปลี่ยนจากแรงงานทักษะต่ำไปสู่แรงงานที่มีความรู้และทักษะสูง แต่อย่างไรก็ตามยังมีผู้คนอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ว่าเป็นอย่างไรและจะมีประโยชน์รวมถึงช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของตนได้อย่างไรถึงแม้รัฐบาลจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลข่าวสารความรู้เกี่ยวกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ผ่านช่องทางต่างๆอย่างต่อเนื่อง จากประเด็นดังกล่าว สำนักวิจัยสยามเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตโพลล์จึงได้ทำการสำรวจความรับรู้และความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลต่อนโยบายไทยแลนด์ 4.0

ศ.ดร.ศรีศักดิ์กล่าวต่อว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป เป็นเพศชายร้อยละ 50.64 เพศหญิงร้อยละ 49.36 สามารถสรุปผลได้ดังน ในด้านความรับรู้เกี่ยวกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 กลุ่มตัวอย่างมากกว่าสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 69.43 ไม่ทราบว่านโยบายไทยแลนด์ 4.0 คืออะไร ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 30.57 ทราบว่าไทยแลนด์ 4.0 เป็นวิสัยทัศน์เชิงนโยบาย ที่เปลี่ยนเศรษฐกิจแบบเดิมไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมโดยนำเอานวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ประโยชน์ในการเพิ่มมูลค่าและคุณภาพของสินค้าและบริการให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 57.15 ทราบว่าวัตถุประสงค์หลักของนโยบายไทยแลนด์ 4.0 คือเพื่อสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมกับนานาอารยะประเทศ ส่วนกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 42.85 ยอมรับว่าไม่ทราบ

สำหรับช่องทางที่กลุ่มตัวอย่างได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 มากที่สุด 3 อันดับได้แก่ สื่อเว็ปไซด์ต่างๆคิดเป็นร้อยละ 83.74 ระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆคิดเป็นร้อยละ 81.46 และสื่อโทรทัศน์คิดเป็นร้อยละ 79.09 ขณะเดียวกันกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 47.25 ระบุว่าตนเองให้ความสนใจติดตามข่าวสารเกี่ยวกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 บ้างเป็นบางช่วง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 20.91 ระบุว่าตนเองให้ความสนใจติดตามตลอด อย่างไรก็ตามมีกลุ่มตัวอย่างถึงเกือบหนึ่งในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 31.84 ยอมรับว่าตนเองไม่ได้ให้ความสนใจติดตามเลย

ในด้านความคิดเห็นต่อนโยบายไทยแลนด์ 4.0 กลุ่มตัวอย่างประมาณสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 66.22 มีความคิดเห็นว่าในปัจจุบันประเทศไทยมีศักยภาพเพียงพอที่จะเข้าสู่ยุคไทยแลนด์ 4.0 ได้แล้ว ขณะที่กลุ่มตัวอย่างเกือบสองในสามหรือคิดเป็นร้อยละ 64.61 มีความคิดเห็นว่านโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะมีส่วนช่วยยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้า/บริการต่างๆของประเทศได้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 59.95 มีความคิดเห็นว่านโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะมีส่วนช่วยเพิ่มผลผลิต/คุณภาพสินค้าทางการเกษตร เช่น ข้าว พืช ผัก ผลไม้ ได้ นอกจากนี้กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 62.74 เชื่อว่านโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะมีส่วนช่วยเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศให้สูงขึ้นได้จริง อย่างไรก็ตามกลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 57.83 ไม่เชื่อว่านโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศให้สูงขึ้นได้จริง ขณะที่กลุ่มตัวอย่างมากกว่าครึ่งหนึ่งซึ่งคิดเป็นร้อยละ 59.36 ไม่เชื่อว่านโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะมีส่วนช่วยลดความเหลื่อมล้ำของประชากรในประเทศได้จริง และกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 59.1 มีความคิดเห็นว่านโยบายไทยแลนด์ 4.0 จะส่งผลให้หน่วยงาน/องค์กรต่างๆมีแนวโน้มลดการจ้างแรงงานมนุษย์ลง

ส่วนสิ่งสำคัญที่ประเทศไทยควรปรับปรุงพัฒนามากที่สุด 5 อันดับตามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างเพื่อสนับสนุนให้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ประสบความสำเร็จคือ การสนับสนุนเงินทุนในการคิดค้นนวัตกรรมต่างๆคิดเป็นร้อยละ 83.15 การให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีในด้านต่างๆคิดเป็นร้อยละ 81.2 การพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานในด้านต่างๆคิดเป็นร้อยละ 78.32 การปรับปรุงระบบ/ขั้นตอนทางราชการให้รวดเร็วขึ้นคิดเป็นร้อยละ 75.61 และการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพคิดเป็นร้อยละ 72.48

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO