"วิชัย ถาวรวัฒนยงค์" ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ไอเฟค เปิดเผยว่า "หลังผู้บริหารเดิมของไอเฟค ออกมาให้ข่าวเกี่ยวกับการฟ้องร้องดำเนินคดีกับตนทั้งในทางแพ่งและทางอาญา กรณีฐานฟ้องเท็จและแจ้งความเท็จ 2 คดี ขายที่บ้านโพธิ์ จังหวัด ฉะเชิงเทรา และซื้อ โรงแรมดาราเทวี ว่า "ตนในฐานะของประธานกรรมการก็มีหน้าที่ๆ จะต้องรับผิดชอบต่อความผิดพลาดในอดีตของผู้บริหารชุดก่อนในไอเฟค เพราะเป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายให้กับองค์กรจริง แต่เมื่อมีคดีฟ้องร้องกันก็ต้องไปว่ากันต่อในเรื่องของคดี
อย่างไรก็ตามขอชี้แจงความจริงเพื่อปกป้องตนเอง เกี่ยวกับประเด็นที่ดินบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ถูกพาดพิง ว่า "ผมถามง่ายๆ ว่า เรื่องนี้ ผมในฐานะประธานกรรมการในเวลานั้น ผมมีสิทธิ์ที่จะไปยกที่ดินให้ใครหรือไม่ ในเมื่อไอเฟค เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ผมเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น ซึ่งในเรื่องของการบริหาร เป็นเรื่องของผู้บริหาร ใช่หรือไม่? ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมีการตกลงกันในเรื่องที่ดิน ผมก็อยู่ในฐานะที่กรรมการ ที่ต้องลงนาม แต่ก็ไม่ได้มีส่วนเข้าไปรู้เห็นในเรื่องของการบริหาร เพราะถ้าทำแบบนั้นก็จะเป็นการเข้าไปก้าวก่ายการบริหาร แต่ก็ไม่นึกว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องที่มีความไม่ตรงไปตรงมา เพราะความไว้ใจในเรื่องของการบริหารและไม่อยากเข้าไปล้วงลูก ผมยกตัวอย่างกรณีของการซื้อที่ดินสำนักงาน 8 ชั้นที่พระราม 9 เคสนั้นทำให้บริษัทเสียหายกว่า 50 ล้านบาท เรื่องนี้ศาลก็รับฟ้อง แปลกหรือไม่ที่มีการโอนที่ดินให้กับนายหน้าก่อนการซื้อขาย 7 วัน ในราคาไม่ถึง 10 ล้านบาท แล้วมาขายให้ไอเฟคถึง 60 ล้านบาทการเข้าไปซื้อที่ดินนี้เป็นเรื่องของผู้บริหารใช่หรือไม่? เทียบเคียงได้กับกรณีที่ดินที่ บ้านโพธิ์ มีนัยยะบางอย่างที่ใกล้เคียงกัน คือ มีการอำพรางนิติกรรม และอาจจะส่อไปในทางที่มิชอบของผู้บริหารชุดเดิม
ส่วนกรณีของโรงแรมดาราเทวีนั้น มีความชัดเจนภายหลังว่า มีการวิเคราะห์ข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษา ที่ตนไปมีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้ตนขอปฏิเสธ เพราะในการจัดหาที่ปรึกษานั้น เป็นเรื่องของผู้บริหารที่จะไปดำเนินการ ส่วนตนในฐานะประธานกรรมการ คงมองภาพรวมทั้งหมด ไม่ได้ลงไปล้วงลูก หรือลงไปตกลงกับบริษัทที่ปรึกษาแต่อย่างใด ซึ่งหากมองความเป็นไปได้เรื่องนี้คงเป็นเรื่องที่เกินความจริง และเมื่อเกิดความเสียหายแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ผมจะต้องลงมาแก้ไขก็พยายามที่จะหาคนมาซื้อ เพราะต้องไปตั้งคำถามว่า ผู้บริหารไอเฟคในเวลานั้น ซื้อโรงแรมนี้มาแพงเกินจริงหรือไม่? เมื่อได้คำตอบผมก็พยายามแก้ไข เรื่องของโรงแรมดาราเทวีก็ต้องถามคิดกลับไปว่า ใครคือคนที่ทำให้พนักงานลำบากใจ คนที่เข้ามาแก้ไขปัญหาหรือคนที่เริ่มต้นที่สร้างปัญหา ไม่ใช่แค่สองเรื่องนี้ แต่ผมพยายามแก้ไขปัญหาของไอเฟคมาตลอด จนมาถึงวันนี้ ก็ยังคงต้องแก้ไข เพราะนอกจากจะมีการให้ข่าวบิดเบือนถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ยังมีความพยายามที่จะยับยั้งไม่ให้ไอเฟคเดินหน้าทุกวิถีทางทั้งการให้ข่าว การล๊อบบี้ผ่านกลุ่มผู้ถือหุ้นบางกลุ่มที่ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง การขัดขวางการเปิดประชุม ข้อสังเกตุ เพราะผู้บริหารชุดเดิม ลาออกจากการบริหารบริษัทย่อยทั้ง 40 บริษัท เหมือนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับ ไอเฟค แต่ยัง มีตำแหน่งในอีก 4 บริษัท ซึ่งก็อยากให้ มีการตรวจสอบว่า ใน 4 บริษัทในเครือของไอเฟค เหตุใดจึงไม่ลาออก ยังมีอะไรซ่อนอยู่อีกหรือไม่?
นอกจากจะเป็นเรื่องความเสียหายที่เคยเกิดขึ้น และที่กำลังจะเกิดขึ้นก็ยังคงมีความพยายามทำให้ไอเฟคปิดงบไม่ได้จนกลายเป็นที่มาของการขึ้นเครื่องหมาย SP ในหุ้นไอเฟค เดือนร้อนไปถึงผู้ถือหุ้น และทุกฝ่าย พอผมจะเข้าไปแก้ไขปัญหาก็แก้ไขได้ลำบาก เพราะพบเขาก็การขัดขวางทางนี้อยู่ ทุกวิถีทาง ที่สำคัญยังมีการเรียกร้องให้ผมลาออก ผมก็ต้องถามกลับไปว่า ผมมาแก้ไขในสิ่งที่ผิดพลาดจากผู้บริหารชุดเดิม และแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง ผมทำผิดอะไร แล้วทำไมผมต้องลาออก หรือเป็นความพยายามเดินเกมส์ ของผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริต เพื่อให้พ้นผิดจากความผิดในอดีตที่ผิดพลาดที่อาจจะเป็นความจงใจ ทั้งหมดนี้ผมก็ขอถามกลับไปบ้างว่า ถ้าไม่คิดจะแก้ไขความผิดพลาดก็ขอให้หยุดขวางการเดินหน้าของไอเฟค และเมื่อไหร่จึงจะหยุด
วันนี้ควรจะหันมาช่วยกันแก้ไขปัญหาแล้วเดินหน้าจะดีกว่าหรือไม่" ประธานกรรมการ ไอเฟค กล่าว และว่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นที่มีการไปให้ข่าว ในช่วงเวลานั้นที่มีการบริหารโดยอดีตผู้บริหาร ผมได้มีการท้วงติงไปแล้วก่อนหน้านี้ทั้งหมดในฐานะประธานกรรมการบริหาร แต่ภายหลัง ผู้บริหารและกรรมการนั้นก็ลาออก แล้วทิ้งแต่ปัญหายังคงอยู่ทุกอย่างเอาไว้ให้ ผมท้วงตั้งแต่กลางปีที่แล้วว่าต้องรีบแก้ตัวนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดการแก้ไขใดๆ แล้วเมื่อผมจะเข้าลงมาแก้ไขปัญหา ก็ยังคงมีความพยายามจะยับยั้งหรือชะลอ ไม่ให้ไอเฟคได้เดินหน้า ซึ่งก็ต้องขอร้องกันให้ทุกฝ่ายหันมาร่วมกันแก้ไขปัญหา แก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต เพราะวันนี้ ไอเฟคมีโอกาสที่จะเติบโตได้เพียงแต่ต้องหันหน้าเข้ามาหากันแล้วร่วมกันแก้ไขปัญหา ไอเฟคเป็นบริษัทพลังงานทดแทนที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะเป็นบริษัทพลังงานทดแทนครบวงจร และเรื่องของธุรกิจหลักของไอเฟคกำลังเป็นกระแสในระดับโลก เป็นช่องทางในการสร้างรายได้ และไอเฟคเองก็มีศักยภาพในด้านนี้ ส่วนปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องของหนี้นั้นไอเฟคก็มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน ดังนั้นถ้าทุกฝ่ายหันมาช่วยกันแก้ไขปัญหาเชื่อว่าไอเฟคก็จะเดินหน้าต่อไปได้" วิชัย กล่าว