การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นความพยายามครั้งแรกของมหาเศรษฐีวอลล์สตรีทในการเข้าลงทุนในสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีของจีน
คุณโรเจอร์ส กล่าวว่า "การใช้เทคโนโลยีเพื่อซื้อขายหุ้นทั่วโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไทเกอร์ทำมาตลอดนั้น กำลังมีอนาคตที่สดใส" เขามั่นใจในแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมฟินเทคจีน โดยระบุว่า การพลิกโฉมธุรกิจในภาคการเงินโดยใช้อินเทอร์เน็ตเป็นตัวขับเคลื่อน จะส่งผลดีต่อนักลงทุนชาวจีน ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต้องการจัดสรรเงินลงทุนของตนได้อย่างเหมาะสม "ทุกคนจะสามารถซื้อขายหุ้นได้ทุกที่ และไทเกอร์ก็เข้ามาอย่างถูกที่ถูกเวลา" คุณโรเจอรส์กล่าวเสริม
หวู่ เทียนฮั่ว ผู้ก่อตั้งและซีอีโอแห่งไทเกอร์ โบรกเกอร์ส กล่าวว่า "Tiger Trade เป็นผลิตภัณฑ์ฟินเทคที่บริษัทได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายหุ้นแบบครบวงจร สำหรับให้นักลงทุนจีนจากทั่วโลกสามารถเข้าถึงพอร์ตการลงทุนข้ามพรมแดนได้อย่างสะดวกสบาย" นอกเหนือจากหุ้นสหรัฐฯ หุ้นฮ่องกง และหุ้นจีนแล้ว คุณหวู่กล่าวว่า แพลตฟอร์มของบริษัท ซึ่งเข้าใช้งานผ่านทางสมาร์ทโฟนหรือพีซีได้นั้น ยังรองรับการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายมาร์จิ้นหลักทรัพย์ นอกเหนือไปจากหุ้นสหรัฐฯ 13,000 ตัว ออปชั่นหุ้น และผลิตภัณฑ์ ETF
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดเผยว่า มีการทำธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์ม Tiger Trade มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านดอลลาร์ในเดือนแรกของการเปิดตัวแพลตฟอร์มเมื่อปี 2558
นอกจากจำนวนสมาชิกผู้ใช้บริการจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ว มูลค่าการทำธุรกรรมรายเดือนในสกุลดอลลาร์ ผ่านทาง Tiger Trade ยังพุ่งขึ้นถึง 22 เท่า ณ สิ้นปีที่ผ่านมา แตะ 2.2 พันล้านดอลลาร์ต่อเดือน
ไทเกอร์ โบรกเกอร์ส ได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งในตลาดการลงทุนระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ในฐานะโบรกเกอร์หลักทรัพย์ออนไลน์ชั้นนำที่ให้บริการแก่นักลงทุนจีนทั่วโลก สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ได้แก่ Xiaomi Technology และ China Growth Capital