โดยทั้ง 2 กองทุนเน้นลงทุนตราสารหนี้กลุ่มธนาคารและตราสารหนี้ภาคเอกชน กองทุน KTSIV3M1 ลงทุนทุนในธนาคารทิสโก้ ธนาคารเกียรตินาคิน อัตราผลตอบแทน1.55% ต่อปี ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย อัตราผลตอบแทน 1.50% ต่อปี บริษัทบัตรกรุงไทย อัตราผลตอบแทน 1.65 % ต่อปี บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ อัตราผลตอบแทน 1.70%ต่อปี บริษัทลีสซิ่ง ไอซีบีซี อัตราผลตอบแทน1.55%ต่อปี ประมาณการค่าใช้จ่าย 0.30% ต่อปี
ส่วนกองทุน KTSIV6M1 เน้นลงทุนตราสารหนี้ธนาคารทิสโก้ ธนาคารเกียรตินาคิน อัตราผลตอบแทน 1.60%ต่อปี ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย อัตราผลตอบแทน 1.55% ต่อปี บริษัทบัตรกรุงไทย อัตราผลตอบแทน 1.70% ต่อปี บริษัทราชธานีลิสชิ่ง 1.75% ต่อปี และบริษัทลีสชิ่งไอซีบีซี 1.55%ต่อปี ประมาณการค่าใช้จ่าย 0.30% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนจะลงทุนในสัดส่วนสถาบันการเงินละ 18 %ยกเว้น บริษัทลิสซิ่ง ไอซีบีซี ลงทุน 10% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุน KTSIV3M1 ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.30%ต่อปี และกองทุน KTSIV6M1 ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 1.35% ต่อปี
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลในประเทศ มีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุ แรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศ ยังมีเข้ามาบ้าง จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น สำหรับผลการประมูลพันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย อายุ 3 เดือน ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 1.467340 % ส่วนอายุ 6 เดือน ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่1.511910% ทั้งนี้ คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50%ต่อปี ตลอดปี 2560 ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น จะคงอยู่ในระดับต่ำต่อไป ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารพาณิชย์ไทยขนาดใหญ่ ประเภท 3 เดือน อยู่ที่ 0.90-1.00% ประเภท 6 เดือน อยู่ระหว่าง 1.15 -1.35% ดังนั้น การลงทุนในกองทุนดังกล่าว เหมาะสำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ในระดับปานกลาง และต้องการโอกาสในการรับผลตอบแทนมากกว่าการฝากเงินไว้ในธนาคาร โดยผลตอบแทนบุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี
" ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากไม่สามารถลงทุนให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ เนื่องจากสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลงไป ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่โฆษณาไว้ "นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือ โทร 0-2686-6100