หากไอเฟคมีปัญหาจากอดีตจนถึงขณะนี้มีสาเหตุมาจาก "หมอวิชัย" จริงก็ต้องตั้งคำถามไปว่า "แล้วจะต้องลุกขึ้นมาแก้ไขปัญหาทำไม? ก็ไม่จำเป็นแล้วไม่ใช่หรือ?" หรือถ้าจะถามยาวไปกว่านั้นหากเป็นจำเลยจริงๆจะต้องมาสร้างแผนให้ไอเฟคเดินหน้าต่อไปทำไม? เรื่องนี้เป็นคำถามที่น่าสนใจ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ "นพ.วิชัย" เปิดใจถึงเรื่องราวทั้งหมดผ่านรายการ "ทันโลกทันเศรษฐกิจทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์" ว่า "วันนี้ผมเชื่อว่าไอเฟคยังสามารถเติบโตได้และได้ดีกว่าช่วงที่เกิดปัญหาด้วยซ้ำเพราะเป็นที่รู้กันว่าเทรนด์พลังงานทดแทนกำลังเป็นกระแสไปทั่วโลกและไอเฟคก็เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีศักยภาพในจุดนี้ สิ่งที่ได้วางกรอบนับตั้งแต่การสร้างไอเฟคคือโมเดลนี้ไอเฟคคือผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทนพลังงานทางเลือกซึ่งมาถูกทางแล้ว นอกจากพลังงานทดแทน จะเป็นกระแสที่ได้รับความสนใจจากทั่วโลกแล้วในประเทศหรือในระดับภูมิภาค ก็ยังคงมีความต้องการเทคโนโลยีและโนวฮาวน์ ด้านนี้สูงมาก
สำหรับตลาดในประเทศ นอกจากแต่ละปีมีการเปิดประมูล พลังงานทดแทนหลายโครงการ แล้ว ยังมีความต้องการการพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย ไอเฟคเป็นบริษัทแรกๆที่เข้าสู่ยุคของ 4.0 มีการพูดถึงเรื่องของสมาร์ทกริท คือการเอาไอทีมารวมกับเรื่องพลังงานทดแทนเป็นเทคโนโลยีนวัตกรรมที่เข้ามาช่วยในเรื่องซัพพลายดีมานด์ ไอเฟคคิดและเตรียมเรื่องนี้ก่อนที่รัฐบาลจะออกนโยบายนี้ด้วยซ้ำและวันนี้กำลังจะมีการประมูลนี่คือสิ่งที่จะทำให้ไอเฟคโตแบบก้าวกระโดด
ขณะที่ในภูมิภาคธุรกิจพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก ก็ยังมีอนาคต มีความต้องการที่ดีอย่างต่อเนื่องเช่นกันเพราะเมื่อมองจากการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนแล้วแน่นอนว่าในอนาคตภูมิภาคนี้ก็จะผลิตพลังงานมากขึ้นเพื่อให้เพียงพอ ทั้งหมดนี้แหละคือโอกาสของไอเฟค แต่กว่าจะไปถึงวันนั้นได้ไอเฟคก็ย่อมต้องก้าวผ่านข้ามปัญหาภายในไปให้ได้ซะก่อนแล้วจุดเริ่มต้นปัญหาของไอเฟคนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอยู่ตรงไหน
"หมอวิชัย" พูดถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่าจุดเริ่มต้นความผิดพลาดเกิดขึ้นเมื่อในปี 2558 ที่ไปลงทุนโรงแรมดาราเทวีเป็นการออกนอกไลน์ธุรกิจและเป็นการเอาเงินทุนระยะสั้นไปลงทุนในโครงการระยะยาวที่นี้สิ่งที่ต้องแก้ไขคือไปที่จุดเริ่มต้นของปัญหาตรงนั้นคือการเอาเงินลงทุนกลับมาไปลงทุนให้ถูกต้อง นอกจากนี้ยังมีเรื่องความไม่โปร่งใส ในการบริหารองค์กรและเป็นความรับชอบของผู้บริหารชุดก่อนซึ่งวันนี้ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของคดี
อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นแล้วแทนที่ผู้บริหารชุดเก่าในเวลานั้นจะเร่งแก้ไขกลับโยนบาปกลับมาให้ประธานกรรมการและโจมตีองค์กรของตัวเองจนเรื่องไปถึงเจ้าหนี้ที่ทำให้ไอเฟคเสียเครดิตทั้งหมดนี้คือจุดเริ่มต้นของปัญหา
หมอวิชัย บอกว่า ครั้งแรกที่มีเค้ารางปัญหาก่อนหน้านี้ก็ได้เตือนไปในเรื่องกระแสเงินสดตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2559 แต่ปัญหาก็ไม่ได้รับการแก้ไขจนตนเองเข้ามาแก้ไขเองซึ่งก็หยุดเลือดไหลได้ราวเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมปี 2559 จนช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2560 มีการเจรจาและหารือรวมถึงความพยายามที่จะลดการให้ข่าวโจมตีปัญหาหนี้ของไอเฟคก็ดีขึ้นอย่างน้อยเลือดก็หยุดไหล อย่างไรก็ตามสุดท้ายความพยายามนี้หมอวิชัย กลับตกเป็นเป้าการโจมตีจนถึงปัจจุบันมีความพยายามทำให้กลายเป็นคนผิดกลายเป็นจำเลย "ผมนะเหรอจะทำร้ายไอเฟคทำร้ายลูกของตัวเองจุดไฟเผาบ้านของตัวเองคิดได้ยังไง"
ส่วนเรื่องหนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงเพราะไอเฟคมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สินอยู่แล้วรวมทั้งมีพันธมิตรที่พร้อมจะให้การช่วยเหลือเรื่องการเงินตอบตรงนี่ก็พอจะเข้าใจ ส่วนเรื่องทุนที่จะเดินไปข้างหน้าก็เป็นคำตอบเดียวกันวันนี้มีกลุ่มทุนเพลินจิตที่เขาพร้อมจะช่วยในทั้งสองด้านหรือแม้แต่ถ้าจะต้องขายทรัพย์สินนอกไลน์อย่างโรงแรมดาราเทวีออกไปก็เพียงพอใช้หนี้และมีทุนที่จะเดินหน้าได้ทันที
ส่วนอีกปัญหาคือเรื่อง SP ต้องมาขอร้องกันขอร้องให้เลิกปล่อยข่าวให้ร้ายโจมตีซักทีเรื่องนี้ก็จะแก้ได้ไม่ยากและให้ผู้ที่เคยผิดพลาดในอดีตหันกลับมาแก้ไขปัญหาไอเฟคเครื่องหมาย SP บนหุ้นไอเฟคที่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ถือหุ้นนั้นมาจากการปิดงบฯใน 4 บริษัทในเครือดาราเทวีไม่ลงตัวเพราะมีคนบางกลุ่มที่เคยทำผิดพลาดในอดีตยังนั่งบริหารอยู่ที่นั้นและมีความพยายามจะขวางการปิดงบฯ ซึ่งก็น่าสงสัยว่ากลัวอะไรหรืออาจจะเพราะกลัวเรื่องราวบางอย่างที่พยายามซ่อนเร้นอยู่จะถูกเปิดออกมาก็เป็นได้
"ผมพยายามบอกว่าอย่ากลัวความจริงเห็นแก่ไอเฟคและให้ไอเฟคเดินหน้าเลิกโจมตีกันหันหน้ามาคุยกันแล้วแก้ปัญหารับรองว่าไอเฟคเดินหน้าไปได้ไกลแน่นอน"
ทั้งหมดนี้คือที่มาที่ไปของปัญหาในไอเฟคที่มีทางเลือกไม่มากคือเลือกที่จะต้องเดินหน้าสถานเดียวและสิ่งที่จะเป็นตัวช่วยแก้ไขปัญหาของไอเฟคที่ดีที่สุดในวันนี้คือ "โอกาส"