นายภัควัฒน์ สุขเกษม กรรมการบริหารสายงานบริหารโครงการบริษัท แฮปปี้แลนด์ กรุ๊ป จำกัด ภายใต้ แบรนด์ เอชเคป (H-CAPE) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดทำโครงการบ้านเดี่ยว H-CAPE SERENE บ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ บนถนนสุขาภิบาล 2 (บางนา-อ่อนนุช) ว่า บริษัทได้จัดทำโครงการบ้านเดี่ยว H-CAPE SERENE เพื่อรองรับการเติบโตของครอบครัวในปัจจุบัน ภายใต้แนวคิด "เปิดประสบการณ์ความสุขไซต์ใหญ่ ไปไหนก็ใกล้บ้าน" ที่จะมอบประสบการณ์แห่งความสุขให้กับทุกคนในครอบครัว ด้วยการออกแบบบ้านให้มีขนาดใหญ่พิเศษ 6 แบบ เริ่มตั้งแต่ขนาด 1XL-6XL บนเนื้อที่เริ่มต้นที่ 50-93 ตารางวา แต่มีพื้นที่ใช้สอยให้กับทุกคนในครอบครัวได้มากถึง 169-288 ตารางเมตร บนทำเลที่มีศักยภาพสามารถเดินเข้าออกเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการ H-CAPE SERENE
"แฮปปี้แลนด์กรุ๊ป ถือเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯรายแรกๆที่เข้ามาจับจองพื้นที่ในโซนกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก เพื่อหาทำเลที่มีความเหมาะสม โดยนโยบายของบริษัทจะเน้นเรื่องเส้นทางคมนาคมเป็นสำคัญ ซึ่งจะเห็นได้จากที่ตั้งโครงการ H-CAPE SERENE นับเป็นทำเลที่ดีที่สุดอีกหนึ่งโครงการที่เราคัดเลือกและคัดสรรพื้นที่ในการตั้งโครงการ เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้รับความสะดวกสบายจากการเดินทางที่สามารถเข้าออกเมืองได้หลายเส้นทาง ด้วยถนนหลักหลายสาย ทั้งถนนวงแหวนตะวันออก ถนนบางนาตราด ทางด่วนมอเตอร์เวย์ รวมถึงสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ที่ใช้ระยะเวลาเพียง 10 นาที เป็นต้น และอีกหนึ่งปัจจัยบวกที่จะทำให้ทำเลนี้คึกคักมากขึ้นคือ การขยายสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 2ที่สามารถรับนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นได้ถึงปีละ 60 ล้านคน โครงการแอร์พอร์ตเรลลิงก์ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อ 2 สนามบิน คือสนามสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง รวมถึงรถไฟฟ้าสายอนาคต อย่างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และรถไฟฟ้า LRT บางนา-สุวรรณภูมิ ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะทำให้ทำเลแถบนี้มีศักยภาพยิ่งขึ้น ส่งผลให้ราคาที่ดินและราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน ยิ่งทำให้อสังหาฯย่านนี้ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคมากยิ่งขึ้นโดย" นายภัควัฒน์ กล่าว
นายภัควัฒน์ กล่าวถึงจุดเด่นโครงการ H-CAPE SERENE ว่า มั่นใจว่าการออกแบบบ้านทั้ง 250 ยูนิต ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รวมถึงการใช้หลักการทางธรรมชาติ ที่มีการคำนวณ ทิศทางลม และแสงแดดให้กลมกลืนกับการวางตำแหน่งบ้าน พร้อมมอบความรู้สึกอิสระและความเป็นส่วนตัว ด้วยทำเลติดถนนใหญ่แต่ที่อยู่อาศัยอยู่ด้านในเพื่อปกป้องมลภาวะทางเสียง รวมถึงการมอบความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้าน และลดความแออัดหากมีการเข้าอยู่อาศัย 100% ด้วยการจำกัดจำนวนบ้านในแต่ละซอยเพียง 6 ยูนิต และมอบความรู้สึกที่ปลอดโปร่ง ด้วยถนนส่วนกลางที่กว้างถึง 19 เมตร พร้อมระบบรักษาควาปลอดภัยที่ดูแลลูกบ้านตั้งแต่เข้าโครงการ ด้วยระบบ Double gate พร้อมการติดตั้ง CCTV รอบโครงการ รวมถึงการรักษาความปลอดภัยของลูกบ้านตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามจากทำเลและศักยภาพของโครงการ ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก ล่าสุดสามารถปิดยอดขายได้แล้วกว่า 40% และคาดว่าจะสามารถปิดยอดขายได้ภายในปี2562