สุวัจ เดชเทวัญดำรง ประธานกรรมการ บริษัท พี เอส เมนแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ธุรกิจนำเข้าผลไม้โดยภาพรวมของปีที่ผ่านมาค่อนข้างซบเซา และปริมาณการนำเข้าลดลงไปกว่าครึ่ง ส่วนหนึ่งเกิดจาก ภัยธรรมชาติและออเดอร์ใหญ่จากประเทศจีน ที่มีความต้องการบริโภคผลไม้เกรดพรีเมียมเพิ่มมากขึ้น ทำให้ปริมาณผลไม้ ในตลาดน้อยลง และมีราคาสูงขึ้น ส่วนการส่งออกผลไม้ของไทยนั้นได้รับการตอบรับที่ดี จากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เมียนมา เวียดนาม อินโดนีเซีย รวมทั้งจีนที่เริ่มเข้ามาแทรกแซงตลาดผลไม้ตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว โดยลงทุนกว้านซื้อผลไม้ถึงสวน โดยไม่ผ่านระบบพ่อค้าคนกลาง แต่ในข้อเสียยังมีข้อดีคือเกษตรกรพอใจกับรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียน ในเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศมากกว่าเดิม ขณะที่การบริโภคผลไม้ภายในประเทศลดลง อันเนื่องมาจากขาดแรงซื้ออัน สะท้อนจากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา
สำหรับ พี เอส เมนแลนด์ ที่มีรายได้หลักจากค่าเช่าพื้นที่ในตลาดสด และตลาดผลไม้ไอยรา คุณสุวัจได้เผยถึงผลประกอบการในปี 2559 ว่าเติบโตไต่ระดับขึ้นกว่าปีก่อนหน้าแบบสวนกระแสเศรษฐกิจ แม้โดยภาพรวมจะยังคงขาดทุนอยู่ก็ตาม โดยทางบริษัทตั้งเป้าหมายที่จะทำกำไรให้ได้ภายในระยะเวลา 3 ปี ในปีนี้คาดการณ์ว่าธุรกิจตลาดสดและตลาดผลไม้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น โดยมีปัจจัยบวกคือปริมาณผลผลิตที่มีมากกว่า 2 ปีที่แล้ว และยอดพื้นที่เช่าในตลาดว่างเหลือไม่ถึง 10% โดยในไตรมาสแรกบริษัทประเดิมจัดกิจกรรม "ลานรถเร่" เพื่อสร้างสีสันให้ตลาดคึกคักและดึงดูดลูกค้าให้แวะเข้ามาจับจ่ายในตลาด โดยเปิดพื้นที่ให้เกษตรกรหรือพ่อค้าแม่ค้านำ รถเล หรือ รถโกย มาเช่าพื้นที่จอดขายผลไม้ตามฤดูกาล เช่น ส้ม เงาะ ทุเรียน มังคุด ฯลฯ ราคาถูก ตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นการเพิ่มความหลากหลายของประเภทและเกรดของสินค้าที่ขายภายในตลาดไอยรา ซึ่งตั้งแต่เปิดลานรถเร่ เมื่อเดือนต้นมีนาคมที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี ทั้งนี้ ลานรถเร่สามารถรองรับ รถเลหรือรถโกยผลไม้ได้จำนวน 100 คัน
"เราเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นของการเป็นศูนย์กลางกระจายผลไม้ไทยนำเข้า-ส่งออกครบวงจร ตอนนี้อยู่ในช่วงปลาย ฤดูกาลของผลไม้จีนแล้ว กำลังจะเข้าฤดูกาลของผลไม้ไทย ซึ่งมีระยะเวลาตั้งแต่เดือนมีนาคม-กรกฏาคม ทั้งนี้ ในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา ก็ต้องตั้งรับและประคองตัวไป รวมถึงช่วยเหลือผู้ค้าในตลาดให้สามารถอยู่ได้ เช่น ลดค่าเช่าแผง ขณะเดียวกันก็พยายามปรับปรุงตลาดให้ทันสมัยและสร้างสรรค์กิจกรรมอย่างสม่ำเสมอ นอกจากลานรถเร่ที่ตลาดผลไม้ เรายังสร้างความคึกคึกให้กับพื้นที่ชั้นบนของตลาดด้วยโครงการ "ไอยราของถูก" โดยประมูลสินค้าดี ราคาต่ำกว่าท้องตลาด หมุนเวียนมาจำหน่ายอย่างหลากหลาย อาทิ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ส่วนไตรมาส 3 เรามีแผนจะเปิดโครงการ "ตลาดต้นไม้" และ "ตลาดสัตว์เลี้ยง" รองรับผู้ประกอบการ 80 ร้าน บนพื้นที่ 12 ไร่ เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าพื้นที่และเพิ่มความถี่ในการเดินตลาดมากยิ่งขึ้น"
ด้าน ไอยราพรีเมียมฟรุ๊ต ยังคงตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเดลิเวอรีผลไม้เกรดพรีเมียม แม้ในตลาดจะแข่งขัน ค่อนข้างสูง เนื่องด้วยที่ผ่านมามีผู้เล่นรายใหม่เข้ามามากขึ้น จากการที่ช่องทางการค้าขายออนไลน์เปิดกว้าง และระบบการขนส่งที่เอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจเดลิเวอรี่ผลไม้ แต่บริษัทอาศัยความแข็งแรงของแบรนด์ "ไอยราพรีเมียมฟรุ๊ต" ที่ทำการตลาดมานานและเป็นเจ้าแรกๆ ในตลาด ขณะเดียวกันก็มุ่งรักษาฐานลูกค้าดั้งเดิมด้วยการคัดสรรผลไม้เกรดส่งออก ที่ผ่านมือมาน้อยราย จัดส่งสินค้าถึงผู้บริโภคด้วยรถตู้ที่เป็นห้องเย็น จึงสามารถรับประกันคุณภาพและความสดได้ แบบลูกต่อลูก ส่งผลให้ธุรกิจเดลิเวอรี่ผลไม้ไอยราพรีเมียมฟรุ๊ตมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
"ส่วนธุรกิจแฟรนไชส์ผลไม้ต้องยอมรับว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากผลไม้เป็นของสดที่มีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว สินค้ามีอายุค่อนข้างสั้น ต้องอาศัยการทำธุรกิจด้วยความเข้าใจ ต้องใช้เวลา และประสบการณ์ในการเรียนรู้ โดยเฉพาะการเก็บและการสต็อกสินค้าถือเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดกับคุณภาพผลไม้ ดังนั้น ในปีนี้บริษัทฯ จะปรับกลยุทธ์ใหม่โดยลงทุนเปิดสาขาของไอยราพรีเมียมฟรุ๊ตเอง และมองหาทำเลในเขตเมือง เพื่อเป็นจุดขายผลไม้ที่มีศักยภาพ รองรับกำลังซื้อสูงของคนเมือง นอกจากนี้ ยังจะใช้สาขาของไอยราพรีเมียมฟรุ๊ต เป็นจุดกระจายสินค้าของธุรกิจบริการเดลิเวอรี่ผลไม้ด้วย คาดว่าจะทำให้การเดลิเวอรี่ผลไม้ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขึ้น และ สามารถส่งสินค้าได้รวดเร็วขึ้น จากปกติสั่งวันนี้ ได้สินค้าพรุ่งนี้ เป็นสั่งและส่งสินค้าได้ภายในวันเดียว (Same-day Delivery) เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการใช้งานสินค้าในทันที เช่น ซื้อผลไม้เกรดพรีเมียมเป็นของเยี่ยมผู้ป่วย เป็นต้น"
หลังสั่งสมประสบการณ์และได้รับความสำเร็จจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้โครงการตลาดไอยรา ในปีนี้ พี เอส เมนแลนด์ ยังตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทหมู่บ้านจัดสรรในทำเลย่านคลองหลวง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นทำเลเด่นที่มีการขยายตัวและเติบโตอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงรองรับความหนาแน่น ของชุมชนในอนาคต โดยในเบื้องต้นมีแผนจะลงทุนพัฒนาที่ดินจำนวน 36 ไร่ เป็นบ้านแฝดกว่า 200 ยูนิต ภายใต้แนวคิด "การให้ในสิ่งที่ดีกว่า ในราคามิตรภาพ" โดยชูเครดิตและตัวตนของคุณสุวัจเป็นจุดแข็ง เพื่อแข่งขันกับดีเวลอปเปอร์ บิ๊กเนมในย่านดังกล่าว