นอกจากนี้บริษัทฯ ได้วางแผนทางการเงินเพื่อรักษาสภาพคล่องและฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ รวมถึงมีการทบทวนแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่องและเพิ่มการลงทุนในทุกๆ ด้าน เช่น การขยายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทฯ ได้ดำเนินแผนการขยายธุรกิจประเภทอุปกรณ์สำนักงาน ไอที รวมทั้งสินค้าสำหรับไลฟ์สไตล์อื่นๆ ไปยังเอเชีย โดยร้านสาขาแรกได้เปิดดำเนินการแล้วในประเทศเวียดนาม อีกทั้งยังลงทุนในการก่อสร้างคลังสินค้าอัจฉริยะแห่งใหม่ ด้วยงบลงทุนกว่าพันล้านบาท เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการด้านโลจิสติกส์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าครบครัน ถูกต้องตามรายการสั่งซื้อ ในเวลาที่รวดเร็วขึ้น
คุณวิลาวรรณ ฤกษ์เกรียงไกร - กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจออฟฟิศเมท เปิดเผยว่า ยอดขายออฟฟิศเมทยังคงสดใสและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง คาดว่าภาพรวมจะเติบโตอีก 15% จากปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ายอดขาย 7,500 ล้านบาท และจะเติบโตต่อเนื่องทะลุ 10,000 ล้านบาทภายในปี 2563 โดยปักธงให้ ออฟฟิศเมท เป็น "One Stop Business Solutions ที่เดียวครบ ตอบโจทย์ทุกธุรกิจ" พร้อมขยายฐานลูกค้าครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ และรองรับการขยายเติบโตของ SMEs ในประเทศไทย
ด้วยการสรรหาสินค้าและบริการใหม่ๆ เช่น กลุ่มสินค้านวัตกรรมทางธุรกิจ เช่น เครื่องบันทึกเงินสด เครื่องพิมพ์และสแกนบาร์โค้ด และเครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น เป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าสำหรับธุรกิจทุกประเภท ตอกย้ำให้ออฟฟิศเมทเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของกลุ่มนักธุรกิจ องค์กร และ SMEs ทั่วประเทศ โดยในปีนี้จะมี Brand Campaign ชิ้นใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ "ออฟฟิศเมท คู่หู SMEs ไทย โตได้ไม่สะดุด"
จากความสำเร็จในปีที่ 2559 เริ่มจากการเปิดตัวสินค้าประเภทเครื่องเขียนและอุปกรณ์สำนักงานภายใต้แบรนด์น้องใหม่ "One" อีกทั้งสินค้าทุกหมวดของออฟฟิศเมทยังได้รับผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้าโดยเติบโตถึง 10% โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มไอทีอย่าง เครื่องพิมพ์มัลติฟังก์ชั่น มียอดขายเติบโตกว่า 40% และกลุ่มเฟอร์นิเจอร์ Small Office & Home Office ที่มียอดขายเติบโตถึงกว่า 100% ปีนี้จึงนำสินค้าหมวดเฟอร์นิเจอร์ที่เป็น Exclusive Brand จากฝรั่งเศส ได้แก่ Elle Decor มาจำหน่ายเพิ่ม รวมถึงขยายการบริการให้เป็น Total Service Solutions ได้แก่ บริการงานพิมพ์ครบวงจร บริการผลิตสินค้าพรีเมี่ยม และบริการส่งพัสดุด่วน โดยในปีนี้จะร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการธุรกิจทุกประเภทได้อย่างครอบคลุม
คุณวิลาวรรณ กล่าวว่า ออฟฟิศเมทได้ปรับโฉมและรูปลักษณ์ของร้านออฟฟิศเมทให้ทันสมัย น่าเดิน มีการจัดวางสินค้าอย่างเป็นระบบและหมวดหมู่ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายและความสุขในการเลือกซื้อสินค้า โดยในปี 2559 เปิดสาขาใหม่ทั้งสิ้น 9 สาขา พร้อมทั้งปรับปรุงร้านออฟฟิศเมท 3 สาขา และเพิ่มบริการ Click and collect เพื่อความคล่องตัวทางธุรกิจของลูกค้า เพิ่มทางเลือกให้ซื้อสินค้าผ่าน www.officemate.co.th แล้วเลือกรับสินค้าที่ร้านออฟฟิศเมทกว่า 40 สาขาที่ลูกค้าสะดวกทั้งนี้ในปี 2560 ยังตั้งเป้าเดินหน้าเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 8 สาขาในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
ในปี 2559 ที่ผ่านมา การขายสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซเติบโตถึงกว่า 30% โดยปีนี้คาดว่าจะเติบโต 50% คิดเป็นมูลค่า 1,200 ล้านบาท ออฟฟิศเมทมีระบบสั่งซื้อออนไลน์สำหรับลูกค้าองค์กร e-Procurement Smart Purchase Solution ที่ช่วยลดขั้นตอน ลดปริมาณเอกสาร ลดต้นทุน ที่สำคัญคือโปร่งใสตรวจสอบได้ ตอบโจทย์ผู้ที่ทำหน้าที่จัดซื้อสินค้าขององค์กรต่างๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มธุรกิจ e-commerce ในปัจจุบันที่มีการพัฒนาและเติบโตขึ้น ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้ายอดขายภายในประเทศ 10,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอนภายในปี 2563
นอกจากนี้ยังเดินหน้าพัฒนาการให้บริการและยกระดับความพึงพอใจของลูกค้า โดยขยายระยะเวลารับประกันสินค้าเป็น 30 วัน และเพียงมียอดสั่งซื้อ 499 บาทขึ้นไป ออฟฟิศเมทบริการจัดส่งฟรีทั่วประเทศ ตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยลูกค้าที่อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะได้รับสินค้าภายใน 1 วันทำการ รวมทั้งทุ่มทุนกว่า 1,000 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อก่อสร้างและนำเทคโลยีหุ่นยนต์และเครื่องจักรอัจฉริยะจากต่างประเทศมาใช้กับคลังสินค้า ซึ่งจะพร้อมใช้งานในปี 2561 และจะทำให้ลูกค้าได้รับสินค้าครบครัน ถูกต้อง ในเวลาที่เร็วขึ้น