รวมพลังภาคีกว่า 30 องค์กร ร่วมเสนอบทเรียนการขับเคลื่อนการศึกษาเชิงพื้นที่ พร้อมตั้งโจทย์ท้าทายและแนวทางร่วมกันเพื่อการพัฒนาการศึกษาไทยในอนาคต

อังคาร ๑๘ เมษายน ๒๐๑๗ ๑๐:๔๖
โรงแรมเซ็นจูรี่ พาร์ค ถ.ราชปรารภ สถาบันรามจิตติได้จัดเวทีเสวนาวิชาการเรื่อง "รวมพลังขับเคลื่อนการศึกษาเพื่ออนาคต : บทเรียนจากพื้นที่"ภายใต้โครงการประสานงานวิจัยและพัฒนาการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ (Area-based Education) โดยการสนับสนุนของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)โดยความร่วมมือกับสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) และองค์กรภาคีขับเคลื่อนการเรียนรู้ โดยมีดร.สีลาภรณ์ บัวสาย รองผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ด้านนวัตกรรมสังคม เป็นประธานกล่าวเปิดงานพร้อมด้วย ดร.กิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบูรณาการวิจัยและความร่วมมือเพื่อพัฒนาเชิงพื้นที่ (สกว.) โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิ นักนโยบายและยุทธศาสตร์ นักวิชาการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นักวิจัย ประชาคมทางการศึกษา คณาจารย์ ผู้บริหารและครู นักเรียน ภาคเอกชน รวมถึงภาคีร่วม และสื่อมวลชน รวมกว่า 30 องค์กร เข้าร่วมเสวนาทั้งนี้ในเวทีดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อนำเสนอผลงานวิจัยองค์ความรู้และบทเรียนจากการพัฒนาการศึกษาเชิงพื้นที่ รวมทั้งเสนอความเคลื่อนไหวแนวโน้มโลกที่มีนัยต่อการท้าทายและตั้งโจทย์การพัฒนาการศึกษาไทยในอนาคต

ดร.จุฬากรณ์ มาเสถียรวงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันรามจิตติ หัวหน้าโครงการประสานงานวิจัยและพัฒนาการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ ผู้จัดเวทีเสวนาดังกล่าวได้ชี้ว่า องค์ความรู้จากงานวิจัยการพัฒนาการศึกษาเชิงพื้นที่โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้ (สสค.) ได้ชี้ให้เห็นองค์ความรู้สำคัญของการพัฒนาการศึกษาที่จุดเปลี่ยนอยู่ที่ "พื้นที่" สกว.และสสค.ได้ร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาการศึกษาระดับจังหวัด โดยสร้างให้เกิดกลไกการพัฒนาการศึกษา การมีข้อมูลเพื่อตั้งโจทย์และตัดสินใจ รวมถึงมีแผนที่นำไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม โดยพบว่ามี 5 กุญแจสำคัญของความสำเร็จนั่นคือ 1) "เป้า" เห็นเป้าหมายร่วมและมุ่งไปด้วยกัน 2) "เปิด"พื้นที่ความร่วมมือ ดึงภาคี มีข้อมูลในการตัดสินใจ 3)"ปรับ" ความสัมพันธ์การทำงานทุกระดับ สร้างภาวะรับผิดชอบการศึกษาใหม่ 4) "ปลด"ล็อคการทำงาน สร้างความยืดหยุ่นและให้มีอิสระการจัดการ5) "เปลี่ยน"แปลงถึงพื้นที่ สร้างการเรียนรู้ดีๆ ถึงเด็ก ด้วยนวัตกรรมการจัดการต่างๆ ซึ่ง ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพเยาวชน (สสค.) ย้ำผลที่เกิดขึ้นกับ 17 จังหวัดที่สกว.และสสค.ร่วมขับเคลื่อนได้เห็นการทำงานที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ขององค์กรหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัด ตั้งแต่ระดับนโยบาย ระดับพื้นที่ ไปจนถึงระดับสถานศึกษาและห้องเรียน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาของจังหวัดและพื้นที่ให้สอดรับกับบริบทการพัฒนาและความต้องการของพื้นที่ อาทิ การพัฒนาด้านโอกาสทางการศึกษาให้กับกลุ่มเด็กหลุดระบบ การจัดการศึกษาเพื่อเตรียมเด็กเข้าสู่โลกของงาน ฯลฯ ซึ่งถือเป็นตัวแบบดีๆ ที่สามารถขยายผลได้

ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย กล่าวว่าการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่ไม่ได้เกิดโดยอำนาจสั่งการ แต่เกิดจากความสัมพันธ์และความร่วมมือร่วมพลังของทุกฝ่าย เป็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเกิดที่จากกระบวนการทำงาน ซึ่งเป้าหมายและโจทย์การเป็นไปตามบริบทของพื้นที่ และทุกพื้นที่ต่างสร้างนวัตกรรมในการบริหารจัดการ นวัตกรรมในการสร้างการเรียนรู้และนวัตกรรมสังคมเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ประเทศไทยจะก้าวต่อไปได้ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆที่สร้างความรู้สร้างพลังการเปลี่ยนแปลง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เลขา ปิยะอัจฉริยะ ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กเยาวชนและการพัฒนาการศึกษา

อดีตเจ้าหน้าที่บริหารองค์การยูนิเซฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จุดแข็งของงาน คือ แต่ละจังหวัดมีความหลากหลาย เราจะเห็นวิธีแก้ปัญหาที่หลากหลายต่างแบบแต่มีเป้าหมายเดียวกัน ที่ต้องได้คำตอบคำตอบให้ได้ ว่าเด็กดีขึ้นไหม คนทำงานมีความสุขไหมดังนั้นเราต้องร่วมกันปาลูกดอกไปสู่เป้าหมายเดียวกัน แม้จะต่างวิธีต่างหน้าที่แต่มีเป้าหมายอนาคตร่วมกัน นี่คือการทำงานในรูปแบบประชารัฐที่เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่มาร่วมเป็นเจ้าของและพัฒนาขับเคลื่อนการศึกษา

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอนาคตดูเหมือนการศึกษาต้องเผชิญกับโจทย์ท้าทายมากมาย โดยเฉพาะในกระแสที่กำลังตั้งโจทย์กับแนวโน้มความเสี่ยงและแนวโน้มวิกฤตภัยที่การศึกษาต้องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเด็กยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ ความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพการศึกษาที่ยังคงอยู่ ปัญหาเด็กหลุดระบบการศึกษา เด็กย้ายถิ่นและคนข้ามชาติ ปัญหาเสี่ยงทางสังคม แนวโน้มคุณภาพของกำลังคนรุ่นใหม่ที่อ่อนด้อยฝีมือหรือทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพในอนาคต ปัญหาการลงทุนและทรัพยากรทางการศึกษาที่มีแนวโน้มจำกัดและมีความเสี่ยงในเรื่องการเงิน ปัญหาความเสี่ยงในด้านสังคมเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อการศึกษา ฯลฯ ในประเทศไทย เราเผชิญสิ่งเหล่านี้ร่วมไม่ต่างจากกระแสโลกที่พุ่งเป้าการพัฒนาที่ยั่งยืนที่มุ่งจะยกระดับคุณภาพการศึกษาพร้อมๆกับเป้าหมายการพัฒนาด้านต่างๆที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทิศทางการพัฒนาประเทศไปสู่ประเทศไทย 4.0 การมีคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด(กศจ.)ฯลฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้มีนัยต่อความท้าทายของการพัฒนาการศึกษาไทย

ทั้งนี้ดร.จุฬากรณ์ มาเสถียรวงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันรามจิตติได้ศึกษากระแสความเคลื่อนไหวในประชาคมโลก ซึ่งชี้ว่า นานาประเทศต่างได้ส่งสัญญาณเตือนกระบวนทัศน์และทิศทางทางการศึกษา และได้เสนอแผนหรือแนวทางของการรับมือความเสี่ยงและภัยพิบัติเหล่านี้ โดยเสนอยุทธศาสตร์การจัดการที่ต้องเสริมพลังกลไกที่มีอยู่เดิมในพื้นที่อาทิ กศจ. ประชาคม หรือสมัชชาในพื้นที่โดยเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดการ และนวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "พลังชุมชน พลังคน"(Community power) ที่มีความสามารถในการรับมือของระบบสังคม (Capacity of Societal system) กับความเสี่ยงภัยเหล่านี้ที่อาศัยความร่วมมือและความเข้มแข็ง(Strength) ของชุมชนภายใต้การมีการจัดการที่มีความยืดหยุ่นและการรวมพลัง(community Resilience&Collaboration) จะเป็นทางออกของการสร้างการเปลี่ยนแปลงของการศึกษาที่จะเท่าทันกับแนวโน้มและความท้าทายต่างๆที่จะเผชิญในอนาคตได้ ซึ่งปัจจุบันบทเรียนจากงานวิจัยและพัฒนาการศึกษาเชิงพื้นที่ (ABE) ได้ทำให้เห็นพลังของประชารัฐที่มาร่วมพลังการสร้างการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษา แต่ในอนาคตสังคมยังคงต้องคิดต่อในโจทย์ที่ท้าทายเหล่านี้กันต่อไป

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๕:๓๒ อาลีเพย์พลัสขยายเครือข่ายพันธมิตรด้านการชำระเงินเป็น 35 ราย เชื่อมโยงผู้ค้ากับนักท่องเที่ยวเข้าด้วยกันผ่านการชำระเงินบนมือถือ การขายของในแอปพลิเคชัน
๑๕:๓๙ ยกระดับบริการหลังการขายขึ้นอีกขั้นกับ Volvo Mobile Service เพียงนัดหมาย เราพร้อมให้บริการถึงหน้าบ้านคุณ
๑๕:๓๔ ประกาศราคาไทย HUAWEI Mate X6 สมาร์ทโฟนนแบบพับได้ระดับท็อป โฉบเฉี่ยวแต่แข็งแกร่ง พร้อมกล้องเพื่อการถ่ายรูปที่สมบูรณ์แบบ
๑๕:๒๔ มหัศจรรย์แห่งเฟสทีฟกลางลมหนาว ที่ห้างหรูในยุโรปของกลุ่มเซ็นทรัล
๑๕:๑๘ บี.กริม เพาเวอร์ ครองตำแหน่งเรตติ้งสูงสุด SET ESG Rating ระดับ AAA และอยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน 7 ปีซ้อน ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ควบคู่ความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม
๑๔:๐๑ ธนาคารกรุงเทพ สำรองเงินสดช่วงเทศกาลปีใหม่ 40,000 ล้านบาท แนะลูกค้าทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์
๑๔:๔๘ เที่ยวไทยสุขใจ ไทยพาณิชย์ โพรเทค มอบของขวัญปีใหม่ 2568 แจกฟรี! ประกันบ้านหรืออุบัติเหตุ 50,000 สิทธิ์
๑๕:๒๕ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ร่วมงานเลี้ยงการกุศล ส่งเสริมความเสมอภาคและโอกาสในสังคม
๑๕:๔๗ คณะผู้บริหารและพนักงาน ซีเอเค อินเตอร์เนชั่นแนล เยี่ยมชมโรงงาน 1NUO ที่ประเทศจีน
๑๔:๔๕ TFM เปิดแผนผลิตกุ้งยั่งยืน ดันไทยชิงโอกาสในตลาดโลก ชูนวัตกรรมอาหารสัตว์เศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน