"บทบรรณาธิการ a day ฉบับ 200 ที่ผมเขียนในวันที่ 31 มีนาคม 2560 wake up! 200
a day ฉบับ 200 เป็นเล่มที่พิเศษมาก
ผมชอบวาระครบรอบตรงที่มันเป็นโอกาสอันดีให้เราสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ที่ไม่สามารถทำได้ในฉบับปกติ ผมใช้โอกาสเหล่านี้ทดลองทำอะไรที่นิตยสารในเมืองไทยไม่เคยทำมาแล้วหลายต่อหลายอย่าง ฉบับนี้ผมก็ยังอยากให้เป็นแบบนั้น และอยากพานิตยสารเล่มหนึ่งก้าวข้ามผ่านไปสู่พรมแดนใหม่ๆ ที่ไม่ต้องยึดติดอยู่บนวิธีคิดแบบเดิมๆ
a day ฉบับ 200 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเบื้องหลังการทำ a day ทั้ง 200 เล่ม แต่ผมไม่ได้ทำออกมาเป็นนิตยสาร ผมแปลงมันให้กลายเป็นนิทรรศการขนาดจิ๋ว 200 แห่งจัดแสดงตามสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเล่มนั้นๆ ทั่วเมืองไทย
หมายความว่า ไม่ต้องหาซื้อ a day ฉบับนี้ตามแผงนะครับ เพราะไม่มีขาย แต่เราก็รวบรวมเนื้อหาทั้งหมดพิมพ์ออกมาเป็นเหมือนสูจิบัตรงานในรูปเล่มเท่า a day ถ้าจะนับว่าเป็น a dayฉบับหนึ่ง ก็ต้องบอกว่าเป็นฉบับแรกและฉบับเดียวที่ไม่มีบาร์โค้ด เพราะจะไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้น
เราพิมพ์มามอบเป็นที่ระลึกให้สมาชิกรายปีของ a day และพิมพ์เพิ่มอีก 200 เล่มเป็นที่ระลึกสำหรับผู้ที่เดินทางไปดูงานพร้อมกับหยิบ a day เล่มนั้นติดมือไปด้วย เป็นการฉลองวาระครบรอบนิตยสารด้วยการไม่ทำออกมาเป็นนิตยสาร ฟังดูน่าจะสนุกดีนะครับ
สำหรับผม, a day ฉบับนี้ ยังมีความพิเศษอีกอย่าง ผมเริ่มต้นทำงานที่ a day วันที่ 1 เมษายน 2546
ผมตั้งใจเลือกวัน April Fools' Day เพราะคิดว่าจำง่ายดี และคงฟังดูเหมือนเรื่องอำ ถ้าในวันนั้นผมบอกใครต่อใครว่า ผมได้ทำงานกับนิตยสาร a day ที่ผมรักแล้วนะ ผมจำบรรยากาศห้องทำงานเล็กๆ ในวันนั้นได้แม่นยำ ผมไม่มีโต๊ะทำงาน เลยต้องนั่งที่โซฟาขนาบซ้ายขวาด้วยพี่โหน่ง วงศ์ทนง กับพี่โน้ต อุดม วันนั้นผมตั้งใจว่า ผมจะเขียนถึงความรู้สึกของการทำงาน a day วันแรกในบทบรรณาธิการชิ้นสุดท้าย แต่พอโอกาสนั้นมาถึงจริงๆ ผมก็ไม่อยากเขียนเรื่องนี้แล้ว
วันนี้ 31 มีนาคม 2560 เป็นวันสุดท้ายที่ผมทำงานที่ a day เป็นวันที่ผมทำงานครบ 14 ปีพอดี ถ้าพรุ่งนี้ผมบอกใครต่อใครว่า ผมไม่ได้ทำงานที่ a day แล้ว คงฟังดูเหมือนเรื่องอำมากกว่าเรื่องจริง เพราะหลายคนเคยบอกผมว่า เขาคิดภาพผมตอนแยกกับ a day ไม่ออกจริงๆ แม้แต่ผมเองก็ตาม ผมก็ยังนึกภาพตัวเองตอนที่ไม่ได้ทำ a day ไม่ออกเหมือนกัน
14 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่มีค่ามาก เพราะผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย ได้ทดลองทำอะไรมากมาย ได้ทำงานร่วมกับผู้คนที่น่ารักมากมาย และได้กำลังใจกลับมาจากผู้อ่านในรูปแบบต่างๆ มากมายมหาศาลอย่างที่ไม่รู้ว่าในชีวิตนี้จะหากำลังใจที่มากกว่านี้ได้จากที่ไหนอีกแล้ว ผมไม่มีทางบรรยายความผูกพันระหว่างผมกับ a day ได้หมดในหน้ากระดาษนี้ ใช้พื้นที่ทั้งเล่มก็ยังไม่รู้จะพอหรือเปล่า เพราะมันไม่ใช่แค่งานแต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิตผม
การตัดสินใจแยกจาก a day เป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก แต่ในชีวิตนี้ผมก็ยังมีอีกหลายอย่างที่อยากทดลองทำก่อนวันและวัยที่เต็มไปด้วยพลังจะพ้นผ่าน ผมก็เลยเดินออกมาทำกิจการเล็กๆ ของตัวเองอย่างที่ผมอยากเห็น
ผู้ที่จะมารับหน้าที่บรรณาธิการบริหาร a day คนที่ 4 ต่อจากผมคือ เอี่ยว-ศิวะภาค เจียรวนาลี บรรณาธิการบทความของ a day เป็นสมาชิก a team junior รุ่น 3 เอี่ยวเป็นลูกหม้อที่อยู่กับ a day มาเนิ่นนาน และเป็นกำลังสำคัญที่อยู่เบื้องหลัง a day และ HUMAN RIDE รวมถึงเป็นแม่ทัพใหญ่ของงานที่ใหญ่สุดของพวกเราอย่าง a day BIKE FEST
ส่วนผมก็ไม่ได้จากไปไหนไกล ยังคอยโบกธงเชียร์ทีมงานทุกคนเหมือนเดิม แวะเวียนมาร่วมงานกันในวาระโอกาสต่างๆ บ้าง และหวังว่าผู้อ่านก็ยังจะร่วมติดตาม a day ในยุคของบ.ก.เอี่ยว ไปด้วยกันอย่างที่เป็นมา
ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 17 ปีก่อน ผมเป็นหนึ่งในผู้ลงขันนิตยสาร a day เพราะอยากเห็นนิตยสารที่มีเนื้อหาแปลกใหม่ เมื่อ a day ฉบับแรกวางแผง ผมก็กลายเป็นแฟนหนังสือที่ไม่ยอมพลาดแม้สักฉบับ แล้วโชคชะตาก็ส่งผมมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน a day ได้ใช้พื้นที่นิตยสารเล่มนี้ส่งพลังให้กับผู้อ่าน สุดท้ายผมก็กำลังจะกลับมาเป็นผู้อ่านa day อีกครั้ง เป็นผู้อ่านที่เฝ้าลุ้นว่า a day ฉบับต่อไปจะทำเรื่องอะไร แต่อาจจะพิเศษกว่าผู้อ่านคนอื่นเล็กน้อยตรงที่ผมเป็นผู้อ่านที่กลายเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง กับชาว a day รวมถึงเหล่านักเขียนนักวาดทั้งหลาย และคนทำสื่ออื่นๆ ในบริษัทเดย์โพเอทส์ บริษัทที่ผมรู้สึกว่าอบอุ่นเหมือนครอบครัว
การแยกย้ายจากกันไปในครั้งนี้เป็นเรื่องน่าใจหาย แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมรู้สึกว่าเราทุกคนยังคงเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกันเหมือนเดิม เพียงแค่ไม่ได้อยู่บ้านหลังเดียวกันแล้ว สุดท้ายไม่ว่าใครจะแยกย้ายกันไปที่ไหน ผมก็ขอตามไปชื่นชมผลงานและส่งกำลังใจไปให้ทุกคน
ท้ายที่สุดนี้ ผมขอขอบคุณพี่ป๊อป สุรพงษ์, พี่โหน่ง วงศ์ทนง และพี่ปิงปอง นิติพัฒน์ เจ้านายผู้น่ารัก ขอบคุณเพื่อนร่วมงานทุกท่านในทุกวาระโอกาสและขอบคุณผู้อ่านทุกคนในทุกยุคและทุกงานทุกคนที่ผมกล่าวมา ทำให้แฟนนิตยสาร a day อย่างผมรู้สึกเหมือนได้ใช้ชีวิตอยู่ในความฝันมาตลอด 14 ปีมันเป็นสิ่งพิเศษมากที่เกิดขึ้นกับชีวิตผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่งเป็นความจริงและความฝันที่มีความหมายกับผมมากมายจริงๆ ครับทรงกลด บางยี่ขัน
บรรณาธิการบริหารนิตยสาร a day
** รอติดตามรายละเอียดโครงการ a day 200 ได้ในเพจ a day นะครับ" ก้อง กล่าว!