ทันทีที่เสียงบรรเลงเพลงจากวง ดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย หรือ วงทีพีโอ (Thailand Philharmonic Orchestra-TPO) ดังขึ้นก็ได้เริ่มโชว์คอนเสิร์ตอย่างเป็นทางการด้วยบทเพลง พระราชาผู้ทรงธรรมจากศิลปินตัวเล็กแต่เสียงทรงพลังอย่าง อิสซาเบลลา กาญจนวัฒน์ ต่อด้วยเสียงเพลงอันไพเราะจากพ่อลูกอ่อน บี้ - ธรรศภาคย์ ชี ในเพลง ใกล้รุ่ง ตามมาด้วยเพลงที่ทุกคนรอคอยกับ บทเพลงโปรดของพ่อ อย่างเพลง Feeling Good ขับร้องโดย กรวิช เทพหัสดิน ณ อยุธยาที่ส่งเสียงร้องก้องกังวาลไปทั้งฮอลล์ ก่อนจะต่อเนื่องอารมณ์กับอีกบทเพลงพิเศษที่พ่อชอบในเพลง The Man I Love ที่ได้นักร้องคุณภาพอย่าง Cheryl J.Hayes มาขับกล่อมแบบสะกดคนดูได้อยู่หมัด เรียกเสียงสนั่นมหิดลสิทธาคาร ก่อนจะต่อด้วยบทเพลงพระราชนิพนธ์อันไพเราะอย่างเพลง A Love Story ภิรมย์รัก โดย น้ำมนต์ – ธีรนัยน์ ณ หนองคาย ปิดท้ายครึ่งแรกด้วยเพลงที่ปลุกใจให้คนไทยสามัคคีและรักกันอย่างเพลง ตามรอยพ่อ จากเสียงร้องของ กมลพร หุ่นเจริญ จากนั้นจึงต่อครึ่งหลังของคอนเสิร์ตสุดคลาสิกด้วยเพลง แสงเดือน จาก ดลชัย บุณยะรัตเวช, เพลง No Moon ไร้เดือน โดย น้ำชา - ชีรณัฐ ยูสานนท์ ให้ได้โยกกันเบาๆ ก่อนจะเข้าสู่เพลงที่มีชื่อเดียวกับคอนเสิร์ตอย่างเพลง Love at Sundown ยามเย็น โดยสมา สวยสด ต่อด้วยเพลง Smiles ยิ้มสู้ จาก เนม - ปราการ ไรวา ก่อนนจะปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วย 3 ศิลปินชื่อดังอย่างเพลง Still on My Mind ในดวงใจนิรันดร์ ขับร้องโดย บี้ - สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว ที่เรียกเสียงกรี้ดจากคนดูดังทั้งฮอลล์, เพลง Blue Day อาทิตย์อับแสง จาก หนูนา - หนึ่งธิดา โสภณ สาวเสียงหวานทีสามารถสะกดคนดูได้อยู่หมัด และฟินาเล่ปิดท้ายคอนเสิร์ตนี้ด้วยเพลง ในหลวงของแผ่นดิน จาก พินต้า - ณัฐนิช รัตนเสรีเกียรติ และคณะนักร้องประสานเสียง ที่ขับร้องทรงพลังและถ่ายทอดความหมายออกมาได้เป็นอย่างดีทำเอาคนฟังน้ำตาคลอไปตามๆ กัน
โดยงานนี้ บี้ – สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว ได้เผยความในใจว่า"รู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีในชีวิตที่ได้ร่วมถ่ายทอดบทเพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ท่าน เพราะโดยส่วนตัวแล้วก็รู้สึกว่าท่านมีพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรี ซึ่งเพลงทุกเพลงที่ท่านทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นจะเป็นเพลงที่ทั้งความหมายดีและทำนองน่าอัศจรรย์มากครับ" ด้าน หนูนา –หนึ่งธิดา โสภณเล่าว่า "หนูนาเป็นเด็กรุ่นหลังที่มีโอกาสได้ฟังเพลงของพระองค์ท่านแล้วโชคดีที่มีโอกาสได้นำมาร้อง ดีใจและเป็นเกียรติมากค่ะ ที่เราเป็นเยาวชนรุ่นหลังคนหนึ่งที่ได้ร่วมถ่ายทอดบทเพลงพระราชนิพนธ์ของท่านสืบต่อไปต่อ" ส่วนหนุ่มมาดเท่ เนม – ปราการ ไรวา เล่าความรู้สึกกับคอนเสิร์ตในวันนี้ว่า "วันนี้เตรียมตัวมาในบทเพลง Smiles ยิ้มสู้ ซึ่งเพลงนี้เองผมได้มีโอกาสร้องอยู่ครั้งหนึ่งแต่ตอนนั้นร้องกับวงของตัวเอง ซึ่งวันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีครับที่ได้ร้องร่วมกับวง ดุริยางค์ฟีลฮาร์โมนิกแห่งประเทศไทย เพราะเป็นวงใหญ่ ซึ่งเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงมากครับ"?
ปลาบปลื้มใจกันไปอย่างเดียวไม่พอ เพราะหลังจบคอนเสิร์ตการกุศล "ยามเย็น...กับเพลงของพ่อ" รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบสมทบ "มูลนิธิชัยพัฒนา" เพื่อสานต่องานของพ่อต่อไป สำหรับกิจกรรมดีๆ แบบนี้ สามารถติดตามรายละเอียดและติดตามชมย้อนหลังได้ทางwww.moneychannel.co.th