"วิชัย" ยืนยัน ไอเฟคเดินหน้าแก้ไขหนี้ต่อเนื่อง ล่าสุด"ฉัตรณรงค์" เร่งเจรจาเจ้าหนี้ยอมยืดหนี้ หวังล้างหนี้หมด ลุยขับเคลื่อนธุรกิจโรงไฟฟ้าทดแทนต่อเนื่องทันทีตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อสร้างรายได้ ดันธุรกิจมีกำไร
นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีส เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือไอเฟค เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้มาอย่างต่อเนื่อง หลังจากคณะกรรมการบริษัท ได้แต่งตั้งนายฉัตรณรงค์ ฉัตรภูติ กรรมการบริษัท ทำหน้าที่เป็นตัวแทนคณะกรรมการในการแก้ไขปัญหาหนี้ดังกล่าว
สำหรับภาระหนี้ของไอเฟค ณ วันที่ 19 เมษายน 2560 บริษัทมีภาระหนี้ของตั๋วบีอีจำนวน 3,066 ล้านบาท และภาระหนี้อื่นๆอีก 3,000 ล้านบาท
"ผมในฐานะประธานกรรมการบริษัท ผมไม่เคยนิ่งนอนใจในการแก้ไขปัญหาหนี้ของไอเฟค โดยผมและท่านฉัตรณรงค์ ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง และได้รับการผ่อนปรนจากเจ้าหนี้หลายราย ให้ยืดเวลาการชำระหนี้ ทุกวันนี้ผมพยายามหาทางออก และเร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้ตลอดเวลา ที่สำคัญผมไม่เคยที่จะหยุดคิดเรื่องนี้"
ขณะเดียวกันในการประชุมคณะกรรมการบริษัท ตนเองและคณะกรรมการบริษัท ก็ได้ตระหนักและให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาหนี้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไข
นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาหนี้ของบริษัท นายวิชัย ระบุด้วยว่า การประชุมคณะกรรมการบริษัทล่าสุดเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ได้ให้กรรมการเสนอชื่อบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินเข้ามา เพื่อทำให้การบริหารจัดการแก้ไขหนี้ดำเนินการต่อไปได้ และมีความน่าเชื่อถือ เพราะใช้มืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการซึ่งจะให้มีการเสนอรายชื่อเข้ามาในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งต่อไปโดยเร็วที่สุด
"หลังจาก ไอเฟค แต่งตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินแล้ว บริษัทที่ปรึกษาดังกล่าว ก็จะทำหน้าที่ศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้ของบริษัท ทั้งหนี้ระยะสั้น และหนี้ระยะยาว เพื่อทำงานร่วมกับท่านฉัตรณรงค์ หลังจากนั้นก็จะเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทให้รับทราบแนวทางดังกล่าว เพื่ออนุมัติต่อไป"
นายวิชัย กล่าวต่อว่า หลังจากที่กรรมการทุกคนมีข้อตกลงร่วมกัน จะมุ่งมั่นพัฒนาบริษัทอย่างเต็มที่ และตนเองก็พร้อมจะนำพาไอเฟค สู่ความเป็นผู้นำในธุริจพลังงานทดแทนครบวงจร ซึ่งไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่บริษัทแห่งนี้จะก้าวสู่บริษัทชั้นนำในอาเซียน
ปัจจุบันทุกคนรับรู้แล้วว่า พลังงานทดแทนเป็นแนวโน้มของโลก ทุกประเทศต่างให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม จึงส่งเสริมให้เกิดพลังงานทดแทนอย่างเต็มที่ ขณะที่ความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งหมายถึงโอกาสทางธุรกิจด้วย
"ดังนั้น เป้าหมายบริษัทปีนี้ ต้องดำเนินการ 2 เรื่องพร้อมกัน คือ 1.ปรับโครงสร้างหนี้ที่มีอยู่อย่างเหมาะสม และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และ 2. มุ่งพัฒนาธุรกิจพลังงานสร้างรายได้ เข้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน"
นายวิชัย ย้ำด้วยว่า ไอเฟค มีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สิน ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ปัญหาหนี้สิน เพียงแต่ต้องทำให้เป็นระบบและโปร่งใส ขณะที่โอกาสทางธุรกิจมีมหาศาล สำหรับโครงการใหม่ๆ ระหว่างนี้มีการหารือกับพันธมิตรต่างประเทศหลายแห่ง ทั้ง จีน เกาหลี ออสเตรเลีย แต่ที่น่าสนใจคือ การเปิดโครงการโซล่า ฟาร์ม หน่วยงานราชการและสหกรณ์ครั้งใหม่ ซึ่งครั้งที่ผ่านมาก่อนที่จะมีการยกเลิก ไอเฟค เคยยื่นเสนอตัวเข้าไป และมีแน้วโน้มที่ดี ดังนั้นครั้งนี้บริษัทจึงมีความพร้อมมาก
อย่างไรก็ตาม ไอเฟคได้วางวิชั่นระยะกลางและยาว เข้าสู่ยุค 4.0 หรือเรียกว่า "พลังงาน 4.0" หมายถึงยุคที่พลังงานจะผสานเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ และสอดคล้องกับแน้วโน้มพัฒนาเมืองอัฉริยะ (Smart City) ที่ทุกประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย กำลังมุ่งมั่นพัฒนาอยู่ในขณะนี้
สำหรับแนวคิดเมืองอัฉริยะ คือการผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ากับสิ่งที่จำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตของชาวเมือง ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสาร การเดินทาง ที่อยู่อาศัย พลังงาน และอื่นๆ บนฐานที่ต้องอนุรักษณ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้หลายประเทศที่ดำเนินการแล้ว เช่น อังกฤษ ที่เมืองเซาท์แธมป์ตัน เมื่อสตอกโฮม เยอรมนี เป็นต้น ส่วนไทยรัฐบาลวางแผนดำเนินการที่ เชียงใหม่ ภูเก็ต
นายวิชัย ย้ำว่า ไอเฟค มีความพร้อมเข้าสู่ธุรกิจอุตสาหกรรม ที่รองรับ Smart City โดยขณะนี้ได้วางแผนเข้าสู่โครงการ Smart Grid ระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัฉริยะ ซึ่งเป็นการปรับความสมดุลย์การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการสูญเสียพลังงานน้อยที่สุด การเข้าสู่ธุรกิจมิเตอร์อัฉริยะ ทั้งมิเตอร์ไฟฟ้า มิเตอร์น้ำประปา เป็นต้น
"อนาคตประเทศไทยจะใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างแค่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลกำลังสนับสนุน ดังนั้นหน่วยธุรกิจที่จะมารองรับความต้องการนี้ จะเติบโตขึ้นอีกมาก นี้คือวิชั่นของไอเฟค"
ขณะที่ "แผนธุรกิจพลังงานทดแทนครบวงจร" ที่จะเดินหน้าไอเฟคไปสู่ ความเป็น "ผู้นำอาเซียน" เป็นปัจจัยสำคัญ ในการสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุน และผู้ถือหุ้นไอเฟค ให้กลับคืนมาอีกเช่นเดียวกัน
"ผมเชื่อว่าไอเฟค จะเดินหน้าได้มั่นคง เพราะวันนี้ผมในฐานะผู้ก่อตั้งไอเฟค แม้ที่ผ่านมาจะเกิดปัญหาขึ้นมากมาย แต่ผมก็ยืนอยู่ด้านหน้าเพื่อจัดการกับปัญหาทั้งหมด ไม่เคยคิดสักนิดเดียวที่จะออกจากบ้านหลังนี้ ขอให้ผู้ถือหุ้นมั่นใจว่า เราจะเดินหน้าไปด้วยกัน"