นพ.บรรจบ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ชี้ "มติ 5 กระทรวงเรื่องการนำเข้าและจำหน่ายสารฆ่าแมลงซ้ำเติมสุขภาพคนไทยหรือไม่?"
"คนไทยหันกินอาหารตะวันตกมาหลายสิบปี แต่ตายต่างจากอเมริกัน ชาวอเมริกันแม้จะกินผิดสัดส่วนแต่ได้รับความคุ้มครองเรื่องสารเคมีในอาหารจึงตายด้วยโรคหัวใจหลอดเลือดเป็นอันดับหนึ่ง แต่คนไทยกินผิดสัดส่วนแล้วยังมีสารเคมีในอาหารจำนวนมากเพราะไม่ได้รับการคุ้มครอง จึงตายด้วยมะเร็งเป็นอันดับแรก มีโรคพาร์กินสัน เด็กไอคิวต่ำ และสมาธิสั้นมากมาย...ที่เห็นชัดคือ เมื่อ 5 เมษายนที่ผ่านมา 5 กระทรวงมีมติว่าพาราควอตและคลอร์ไพริฟอส ก่อโรคสมองไปจนถึงมะเร็ง แทนที่จะสั่งยกเลิกการจำหน่ายและเอาออกจากห่วงโซ่อาหารคนไทยทันที กลับมีมติว่า ให้นำเข้าต่อไปได้จนถึง 1 ธันวาคม 2560 และให้ขายต่อไปได้ถึง 1 ธันวาคม 2562 ...มตินี้คุ้มครองสุขภาพคนไทยหรือซ้ำเติมกันแน่ เพราะเท่ากับให้บริษัทนำเข้าระดมสั่งเคมีเข้ามา และเร่งการขายอย่างเมามันใน 2 ปีนี้" นพ.บรรจบถามกลับไปยัง 5 กระทรวงว่า "สมควรทบทวนมติดังกล่าว ยุติการขาย การนำเข้า และกำจัดเคมีดังกล่าวให้หมดไปในทันทีหรือไม่?"
อนุสนธิจาก 5 กระทรวงอัน ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิยช์ และกระทรวงอุตสาหกรรม มีมติเมื่อวันที่ 5 เมย. 2560 ว่า ให้ยกเลิกการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช 2 ชนิด ได้แก่พาราควอต และคลอร์ไพริฟอส ในวันที่ 1 ธค. 2562 โดยภายในวันที่ 1 ธค. 2560 ต้องยุติการนำเข้าสารเคมีทั้ง 2 ตัว เนื่องจากพาราควอตจัดเป็นยาพิษอย่างแรง ไม่สามารถถอนพิษได้ 47 ประเทศยกเลิกการใช้แล้ว ส่วนคลอร์ไพริฟอสทำให้เกิดความผิดปกติสมอง ไอคิวเด็กลดลง สมาธิสั้น กระทบต่อระบบต่อมไร้ท่อ การเจริญเติบโต เสี่ยงเป็นพาร์กินสัน ที่ผ่านมามีถึง 81 บริษัทที่นำเข้าสารเหล่านี้ ขณะเดียวกันสารไกลโคเสตเพิ่มเสี่ยงมะเร็ง เบาหวาน ความดันเลือดสูง อัลไชเมอร์ กำลังพิจารณา
นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการมีหลักสูตรทั้ง ป.ตรีและ ป.โททางด้านสุขภาพ ได้แก่ สาขาการประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ และสาขาบูรณาการสุขภาพและความงาม ส่วนปริญญาโทมี หลักสูตรวิทยาการชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ และหลักสูตรธรรมชาติบำบัดกับโฮมีโอพาธีย์ ซึ่งจะเน้นสอนลูกศิษย์และประชาชนทั่วไปให้รักสุขภาพ ดูแลตนเอง ดูแลซึ่งกันและกัน ทั้งให้ประชาชนได้รับการคุ้มครองสาธารณะทางสุขภาพถือเป็นหน้าที่ของเรา จึงถึงเวลาที่ต้องออกมาท้วงติงในกฎเกณฑ์บางอย่างที่ภาครัฐกำหนดออกมาแล้ว อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพคนไทยได้
"มติดังกล่าว อ่านเผินๆ แล้วอาจหลงคิดว่าเป็นเรื่องดี แต่ที่แท้แล้วน่าจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ตรงกันข้ามจะยิ่งซ้ำเติมสุขภาพคนไทยหรือไม่? ทั้งนี้เนื่องจากทั้ง 5 กระทรวงต่างก็เห็นพ้องต้องกันแล้วว่าสารเคมีดังกล่าวเป็นอันตรายต่อสุขภาพมากมาย ประเทศที่เป็นอารยะทั้งหลายต่างก็เลิกใช้กันหมดแล้ว แต่แทนที่จะฟันธงเลิกขายเลิกนำเข้า เพื่อคุ้มครองคนไทยโดยเร็ววัน กลับออกมติให้นำเข้าต่อถึงสิ้นปี 2560 แปลว่าเหลือเวลาอีก 9 เดือนที่ใครจะนำเข้าให้รีบนำเข้ามา เพราะประเทศไทยยังเปิดประตูรับอยู่โดยเสรี แล้วจากนั้นเมื่อนำเข้าเต็มพิกัดแล้วก็ให้รีบระดมขายให้หมดภายใน 2 ปี เพราะห้วงเวลาดังกล่าวประเทศไทยเปิดให้ขายสารพิษโดยเสรีเช่นกัน"
คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ นพ.บรรจบยิงตรงอีกว่า "อยากถามกระทรวงทั้ง 5 ว่า นโยบายแบบนี้กำลังเอื้อกับพ่อค้า หรือเอื้อกับประชาชนกันแน่ พ่อค้าร่ำรวยมาหลายสิบปีแล้วกับยาฆ่าแมลงที่มาฆ่าคนไทย ทำไมไม่ยุติการซื้อขายสารพิษที่ทุกฝ่ายก็สรุปชัดเจนแล้วให้หมดไปโดยเร็วที่สุด?"