"ในปี 2559 กลุ่มไทคอนยังคงมีอัตราการเติบโตของรายได้จากค่าเช่าทั้งโรงงานและคลังสินค้าเป็นที่น่าพอใจ โดยมีพื้นที่เช่าใหม่ของโรงงานรวมทั้งสิ้น จำนวน 60,175 ตารางเมตร และมีพื้นที่เช่าใหม่ของคลังสินค้ารวมทั้งสิ้น 122,858 ตารางเมตร อย่างไรก็ตาม ในปีที่ผ่านมาทางคณะกรรมการบริษัท ฯ ได้มีความเห็นว่าเพื่อเป็นการวางรากฐานการเงินที่แข็งแกร่งเพื่อเป็นการรองรับการขยายงานอย่างมีประสิทธิภาพของบริษัททั้งในประเทศและในภูมิภาคอาเซียน บริษัทฯ จึงควรที่จะเพิ่มฐานทุนบริษัทฯ อย่างเพียงพอแทนการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสท์เพื่อเป็นการลดหนี้ในแต่ละปี คณะกรรมการจึงได้ตัดสินใจยกเว้นการขายทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ TREIT ในปีที่ผ่านมา และทำการเพิ่มทุนจำนวน 1.32 ล้านบาทโดยการจับมือกับ Frasers Centrepoint Ltd. ซึ่งนับเป็นยุทธศาสตร์พันธมิตร ซึ่งได้รับการอนุมัติในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา การตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์ในการเพิ่มทุนและยกเว้นการขายเข้ากองทรัสท์นี้จะทำให้รายได้และกำไรลดลงชั่วคราว แต่จะเป็นการวางรากฐานสำหรับการเติบโตและความสมดุลย์ระหว่างรายได้จากการขายกับรายได้ที่เกิดขึ้นประจำ ทำให้ผลประกอบการส่วนใหญ่ในปี 2559 มาจากรายได้ที่เกิดขึ้นประจำ ได้แก่ รายได้จากค่าเช่า การบริหารจัดการ และเงินปันผลจากกองทุนอสังหาริมทรัพย์และ REIT นอกจากนี้ บริษัทฯ จะได้ใช้เงินส่วนใหญ่ที่ได้รับจากการเพิ่มทุนที่ผ่านมาเพื่อชำระหนี้ของบริษัทฯ ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงมาอย่างมีนัยสำคัญจาก 2.16 เท่า ณ สิ้นปี 2560 เหลือเพียง 0.35 เท่า" นายวีรพันธ์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มธุรกิจของกลุ่มไทคอน ในปี 2560 นั้น บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าแนวโน้มทางเศรษฐกิจของไทยในปี 2560 จะยังคงมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทฯ จากการเข้ามาของผู้ถือหุ้น FPHT ตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา จะทำให้กลุ่มไทคอนสามารถขยายการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมอย่างก้าวกระโดดได้ในไม่ช้า และเพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจดังกล่าวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติ การเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) เพื่อให้บริษัทเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม และ/หรือประชาชนทั่วไปรวมกันเป็นจำนวนไม่เกิน 550,242,712 หุ้น โดยหากไม่ดำเนินการภายใน 1 ปี มติดังกล่าวจะถูกยกเลิกไป
"การขออนุมัติออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ แบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ครั้งนี้ เพียงเพื่อให้บริษัทฯ มีความยืดหยุ่นในการระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ ในกรณีที่บริษัทฯ มีความต้องการใช้ทุนในการขยายกิจการต่อเนื่อง หรือมีการเข้าพัฒนาโครงการทั้งในประเทศ และต่างประเทศ" นายวีรพันธ์ พูลเกษ กล่าว