ส.อ.ท. ผนึก กระทรวงพลังงาน หนุนผู้ประกอบการขนส่ง พัฒนา ส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน รับมือความผันผวน

พุธ ๒๖ เมษายน ๒๐๑๗ ๒๑:๓๐
สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน จัดสัมมนาสรุปผลการดำเนินการ ภายใต้ "โครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน" ในวันอังคารที่ 25 เมษายน 2560 ณ ห้องกิ่งเพชร ชั้น 3 โรงแรมเอเชีย กรุงเทพ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โปรแกรมบริหารจัดการขนส่งที่ได้พัฒนาขึ้นภายใต้โครงการฯ เนื่องจากการแข่งขันที่สูงขึ้นในการให้บริการด้านขนส่งในอนาคต ผู้ประกอบการขนส่งไทยจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งพัฒนาระบบการบริหารงานขนส่ง เพื่อยกระดับมาตรฐานและความน่าเชื่อถือในด้านการบริการ รวมถึงการลดต้นทุนการขนส่ง โดยเฉพาะต้นทุนพลังงานที่มีความผันผวนและมีแนวโน้มสูงขึ้นในอนาคต

นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมฯ เล็งเห็นถึงโอกาส และความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานและลดการใช้เชื้อเพลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการขนส่งทางบก เนื่องจากประเทศไทยยังคงพึ่งพาการขนส่งทางบกเป็นหลัก ซึ่งในปัจจุบันผู้ประกอบการภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย ส่วนใหญ่นั้นยังขาดเทคโนโลยีที่ช่วยในการบริหารงานและเก็บข้อมูลต่างๆในการขนส่ง จึงไม่สามารถวิเคราะห์หาแนวทางการปรับปรุงระบบการบริหารงานและการใช้พลังงานในการขนส่งให้มีประสิทธิภาพได้ ส่งผลให้ต้นทุนการขนส่งของประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นทุนด้านพลังงานซึ่งปัจจุบันราคามีแนวโน้มเพิ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้มีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงานและลดการใช้พลังงานให้กับผู้ประกอบการขนส่งในประเทศไทย เพื่อรับมือกับสถานการณ์ต้นทุนพลังงานและการแข่งขันที่สูงขึ้นในอนาคต

ด้วยเหตุดังกล่าว กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน จึงสนับสนุนให้ สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนิน "โครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ระยะที่ 2 (Enhancement and Encouragement of Logistics and Transport Management Application; LTMA2)" ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน โดยการศึกษาข้อมูลกระบวนการขนส่งของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ และทำการพัฒนาโปรแกรมที่มีส่วนฟังก์ชั่นต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบบริหารงาน โดยโปรแกรมจะมีการเก็บรวบรวมข้อมูลการขนส่ง เพื่อให้ผู้ประกอบการนำข้อมูลต่างๆ มาวิเคราะห์หาแนวทางการพัฒนาระบบงานและการใช้พลังงานในการขนส่งของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งกระผม หวังเป็นอย่างยิ่งว่า โปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการบริหารงาน และลดการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง รวมถึงเพิ่มความน่าเชื่อถือในการบริการให้กับองค์กรของท่าน และประเทศไทยอย่างยั่งยืน ต่อไป

ด้าน นายธิบดี หาญประเสริฐ ประธานคณะทำงานโครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน เปิดเผยว่า สิ่งสำคัญของการพัฒนาระบบการขนส่งในประเทศไทย คือการวิเคราะห์ข้อมูลการขนส่งเพื่อหาแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน โดยปัจจุบันผู้ประกอบการภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมส่วนมากเป็นผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งยังขาดเทคโนโลยีที่จะช่วยในจัดการระบบงานขนส่งและเก็บข้อมูล ทำให้ไม่สามารถรวบรวมข้อมูล เพื่อวิเคราะห์หาแนวทางพัฒนาระบบบริหารงานและลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแผนอนุรักษ์พลังงานในปี 2558 - 2579ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยและการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community: AEC) โดยมีวัตถุประสงค์ในการลดการใช้พลังงานของประเทศคิดเป็นร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับการใช้พลังงานในปี 2553

ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าว กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาระบบบริหารงานและลดการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง จึงสนับสนุนให้ สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดำเนิน โครงการพัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมการใช้งานโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ระยะที่ 2 (Enhancement and Encouragement of Logistics and Transport Management Application; LTMA2) เพื่อจัดทำโปรแกรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน และลดการใช้พลังงานให้กับผู้ประกอบการภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย

นายธิบดี กล่าวว่า จากการดำเนินโครงการฯ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบันนั้น ได้มีการศึกษาข้อมูลกระบวนการขนส่งของผู้ประกอบการภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมทั้ง 5 คลัสเตอร์ ประกอบด้วย กลุ่มสินค้าทั่วไป กลุ่มผลิตผลการเกษตร กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มอาหาร และกลุ่มเคมีภัณฑ์ เพื่อทำการวิเคราะห์และพัฒนาโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ซึ่งประกอบด้วยส่วนต่างๆ 4 ส่วน คือ

ส่วนเว็บไซต์ของโครงการ (LTMA Website)

ส่วนการจัดการของผู้ดูแลระบบ (Back Office Application)

ส่วนการจัดการของผู้ใช้ระบบ (Member User Application)

ส่วนโมดูลขนส่งที่รองรับบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Smart Phone Application)

สำหรับผลการดำเนินงานภายใต้โครงการฯ ที่ผ่านมานั้น ได้มีการจัดทำโปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงานที่สามารถรองรับการดำเนินงานขนส่งของผู้ประกอบการทั้ง 5 คลัสเตอร์ และได้ขยายผลการใช้งานโปรแกรมไปยังผู้ประกอบการภาคขนส่งและภาคอุตสาหกรรมจำนวนมากกว่า 170 บริษัท โดยจัดอบรมการใช้งานโปรแกรมให้กับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อให้ทราบถึงหลักการใช้งานโปรแกรม และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการดำเนินงานขนส่งของบริษัทให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด นอกจากนั้นได้ส่งเสริมสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการเพื่อลดการจัดส่งสินค้าเที่ยวเปล่า (Backhaul) จำนวน 1 กลุ่ม ซึ่งจากการดำเนินงานภายใต้โครงการสามารถประหยัดพลังงานเฉลี่ยรวมกันของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการถึง 6%

"เรามุ่งหวังที่จะทำการพัฒนาปรับปรุงโปรแกรมฯ ให้ครอบคลุมผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและกลุ่มธุรกิจขนาดย่อม (SMEs) เพื่อขยายผลการใช้งานโปรแกรมฯ และสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันทำให้สามารถเชื่อมโยงข้อมูลที่จะนำไปสู่การรวมสินค้าเข้าด้วยกัน ในการจัดส่งทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ (Backhaul) อันจะช่วยให้เกิดการประหยัดพลังงานในการขนส่งได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจากผลการพัฒนาปรับปรุงโปรแกรมดังกล่าว สถาบันพลังงานฯ จึงจัดให้มีการสัมมนาในวันนี้ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์โปรแกรมบริหารจัดการขนส่งเพื่อการประหยัดพลังงาน ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่งในประเทศไทย พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารงานและลดการใช้พลังงานในสาขาขนส่ง รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันได้ต่อไป" นายธิบดี กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ