นายพิชิต จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน) (KCAR)ผู้นำในธุรกิจรถให้เช่าและจำหน่ายรถมือสองเปิดเผยว่า ในช่วงปี 2560 - 2563 บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าเติบโตเฉลี่ยปีละ 5 - 10% โดยใน ปี 2560 นี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขาย 2,100 ล้านบาท หรือเติบโต 5% เทียบจากปีก่อน(ปี2559) ที่มียอดขาย 2,000 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตดังกล่าวนั้นเป็นผลมาจากขีดความสามารถในการแข่งขันในเชิงธุรกิจประกอบกับบริษัทฯ ได้มีการปรับแผนการดำเนินงานใหม่ ด้วยการวางแผนการดำเนินธุรกิจในเชิงรุกมากขึ้น ตามที่บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมมาตั้งแต่ปลายปี 2559 ในการขยายฐานการตลาดลูกค้าเป้าหมายทั้งเป็น องค์กรขนาดใหญ่, องค์กรขนาดกลางหรือ SME โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ลูกค้ารายใหญ่เข้ามาในพอร์ต คือ เครือ SCG และ TOT เป็นต้น
เจาะลึกลูกค้าผ่าน 2 กลยุทธ์หลัก
แม้บริษัทฯ จะประเมินว่า ภาพใหญ่ของเศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัว แต่จากการที่ได้ไปสัมผัสกับลูกค้า จะพบว่า ลูกค้ายังมองหรือให้ความสำคัญเรื่อง "ราคา" เป็นหลัก ดังนั้น ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จากนี้ไป"จะเน้นให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น" ผ่านกลยุทธ์เชิงรุกหลักที่วางไว้ 2 กลยุทธ์ คือ 1).เน้นกลยุทธ์ด้านราคามากขึ้นสำหรับลูกค้ากลุ่มที่เน้นการลดต้นทุนและมีความต้องการด้านการบริการน้อย โดยในปัจจุบันทางบริษัทฯ ยังไม่ได้มีการให้บริการกับลูกค้ากลุ่มนี้มากนัก ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดจากให้บริการลูกค้ากลุ่มนี้ได้
และ 2).การรุกตลาด Blue ocean ที่เป็นลูกค้ากลุ่ม SME มากขึ้น หลังจากที่ได้เข้าไปเจาะตลาดกลุ่มนี้ในช่วงปีที่ผ่านมา เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าสามารถเพิ่มมาร์จิ้นได้ และการแข่งขันยังมีไม่สูงนัก เนื่องจากมีการเช่ารถต่อบริษัทไม่สูง โดยลูกค้ากลุ่มนี้ระยะเวลาของสัญญาเช่า (Terms & Condition) จะอยู่ที่ 1-3 ปี ซึ่งเป็นสัญญาที่เหมาะเพราะสามารถสนองตอบต่อธุรกิจกลุ่ม SME ให้สามารถควบคุมต้นทุนได้
ชูจุดแข็ง "ขยายธุรกิจจำหน่ายรถยนต์มือสอง" ตีฝ่าตลาดแข็งดุ
"ผมยอมรับว่าตลาดมีการแข่งขันกันสูง ส่วนใหญ่ใช้กลยุทธ์ด้านราคา การที่บริษัทฯ มีผลประกอบการที่อยู่ในเกณฑ์ที่มั่นคง จากข้อได้เปรียบในด้านการประมาณการที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพในการบริหารและการจัดการความเสี่ยงได้ดี โดยบริษัทฯ สามารถควบคุมความเสี่ยงที่สูงที่สุด คือ ค่าเสื่อมราคา โดยที่เราได้มีบริษัทลูกที่จำหน่ายรถยนต์มือสองเอง ทำให้สามารถประมาณการต้นทุนได้อย่างแม่นยำ และมีผลประกอบการที่มั่นคง" นายพิชิต กล่าว
พร้อมกันนี้นายพิชิต ยังกล่าวอีกว่า "ในปีนี้เราจะเปิดศูนย์ Toyota Sure เพื่อจำหน่ายรถยนต์มือสอง อีก 1 แห่ง คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในช่วงปลายปี 2560 และจะทยอยสร้างรายได้เข้าสู่บริษัทฯ ในปีปลายปีนี้ ซึ่งการเปิดโชว์รูมเพิ่มนั้นจะช่วยรองรับการขยายตัวในช่วงที่ผ่านมา และจะช่วยลดความเสี่ยงของบริษัทด้านการบริหารความเสี่ยงในการจำหน่ายรถครบอายุสัญญาเช่า อีกทั้งยังช่วยทำให้บริษัทฯ มีผลประกอบการที่ดีขึ้นด้วย" ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ยังดำเนินธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้แล้วผ่านบริษัทในเครือคือ กรุงไทย ออโตโมบิล จำกัด ซึ่งได้เข้าร่วมโครงการกับบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ในโครงการ "Toyota Sure" ปัจจุบันมีศูนย์จำหน่ายอยู่ทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ สาขารามอินทรา กม.9,สาขาถนนกาญจนาภิเษก (พุทธมนฑล สาย 2) และสาขาที่ถนนศรีนครินทร์ นายพิชิต กล่าว