ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) มูลค่าประมาณ 85,231 ล้านบาท ณ ปัจจุบันบริษัทได้มีการลงนามในโครงการต่างๆ ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างสถานีเพิ่มแรงดันเป็นสถานีจ่ายน้ำ มูลค่า 303 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี สัญญา ที่ 1 มูลค่า 11,570 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สัญญาที่ 2 มูลค่า 12,060 ล้านบาท, โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม สัญญาที่ 5 มูลค่า 2,709 ล้านบาท และ โครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ช่วงบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา สัญญาที่ 4 มูลค่า 1,852 ล้านบาท และโครงการที่จะลงนามในเร็วๆนี้ คือ โครงการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์งานระบบรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย หัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ 2 สัญญา มูลค่าประมาณ 19,463 ล้านบาท ซึ่งโครงการเหล่านี้จะทำให้มูลค่างานในมือ (Backlog) ของบริษัทแตะระดับ 100,000 ล้านบาท สามารถรับรู้รายได้ถึง 3 ปีข้างหน้า
นางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK เผยว่า ผลการดำเนินงานงวด ปี 2559 เป็นไปตามเป้าและยังคงรักษาระดับ ความแข็งแกร่งในการสร้างรายได้และกำไร จากการดำเนินงานได้ในระดับที่ดี โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวน 2,002 ล้านบาท มีรายได้จากการก่อสร้างและการขายวัสดุรวม 45,768 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2559 7.08 % ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ ด้วยผลประกอบการปี 2559 ที่แข็งแกร่งนี่ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2560 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท
สำหรับความคืบหน้าของโครงการต่างๆ ที่กำลังดำเนินการนั้น โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย ช่วง หัวลำโพง-บางแค และ บางซื่อ-ท่าพระ ความคืบหน้า 97.6% และสัญญางานวางราง ความคืบหน้า 86.8% โครงการบริหารโครงการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์งานระบบรถไฟฟ้า รถไฟฟ้าสายสีม่วง สัญญา 4 ความคืบหน้า 91.8% โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงจิระ-ขอนแก่น ความคืบหน้า 15.0% โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน-สระบุรี-นครราชสีมา สัญญา 6 ความคืบหน้า 0.1% โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน (BIC2) ความคืบหน้า 78.5% โครงการไซยะบุรี ความคืบหน้า 71.3% โครงการก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยนาบง ณ สปป.ลาว ความคืบหน้า 38.4%
โดยในปี 2560 บริษัทยังมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะผลักดันโครงการที่เป็นประโยชน์กับประเทศออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางที่รอประมูลในปีนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงรัฐบาลกำหนดรูปแบบการประมูล โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายอีกหลายโครงการ อาทิ สายสีม่วง ช่วง เตาปูน – ราษฏร์บูรณะ, สายสีน้ำเงิน ช่วงบางแค – พุทธมณฑล สาย 4, สายสีเขียวเข้ม ช่วงสมุทรปราการ – บางปู, สายสีเขียวเข้ม ช่วงคูคต – ลำลูกกา และสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน – ศูนย์วัฒนธรรม เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการทางพิเศษสายพระราม3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก โครงการรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนต่อขยาย (Airport Rail Link), โครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต, โครงการระบบทางด่วนขั้นที่3 สายเหนือ ตอน N2 และ E-W Corridor ด้านตะวันออก ซึ่งบริษัทฯ เองก็ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อเข้าร่วมประมูลอย่างเต็มที่ และตั้งเป้าที่จะได้ส่วนแบ่งงานในสัดส่วน 20 – 25% ของมูลค่างานที่ออกมาทั้งหมด
"ในโอกาสครบรอบปีที่ 45 ในปีนี้ บริษัท ฯ ได้ปรับเปลี่ยนและพัฒนากลยุทธ์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ รองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรอบด้าน สอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 และพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานระดับภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีแผนในการจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อเป็นการตอบแทนและให้คืนสู่สังคมอีกด้วย" นางสาวสุภามาส กล่าว