รองลงมาคือมีอาการป่วย อ่อนเพลีย อัมพาตเรื้อรัง โดยได้รับแจ้งเหตุในเพศชายมากกว่าเพศหญิงเช่นกัน คือ ชาย ได้รับแจ้ง 15,773 ครั้ง หญิงได้รับแจ้ง 13,680 ครั้ง ขณะที่อันดับ 3 คืออาการปวดท้อง หลัง เชิงกราน ได้รับแจ้งเหตุในเพศชาย 10,024 ครั้ง และเพศหญิง 8,270 ครั้ง
เรืออากาศเอก นพ.อัจฉริยะ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่คนวัยทำงานเป็นโรคมากขึ้น เนื่องจากมีความเครียด ไม่มีเวลาพักผ่อน และใช้เวลาอยู่กับการทำงานค่อนข้างมาก ขณะที่คนเมืองยังต้องเผชิญกับความเครียดจากปัญหาการจราจรที่ติดขัด ทำให้ส่งผลต่อสุขภาพอย่างหนัก ซึ่งหนึ่งในโรคที่น่าเป็นห่วง คือ โรคหลอดเลือดสมอง หรือ (STROKE) คือภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงเนื่องจากหลอดเลือดตีบ หลอดเลือดอุดตัน หรือแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อในสมองถูกทำลาย การทำงานของสมองหยุดชะงัก ซึ่งคนที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดสมองมาก ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง มีไขมันในเลือดสูง เป็นโรคหัวใจ สูบบุหรี่เป็นประจำ ขาดการออกกำลังกาย ซึ่งโรคนี้จะสังเกตอาการได้ง่าย ๆ คือ ผู้ป่วยจะมีอาการแขนขาอ่อนแรงเฉียบ พลัน มึนงง วิงเวียน ทรงตัวไม่ได้ ใบหน้าเบี้ยว ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ ซึ่งส่วนมากทุกอาการจะเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างฉับพลัน
และอีกโรค คือ โรคภาวะหัวใจขาดเลือด หรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (STEMI) ซึ่งอาการของผู้ป่วยนั้น จะมีอาการเจ็บแน่น จุกเสียดที่หน้าอกหรือท้องส่วนบน หรือมีอาการแน่นเหนื่อยขึ้นมาทันที ร่วมกับอาการหายใจไม่สะดวก หอบเหนื่อย คลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ ซึ่งเมื่อมีอาการดังกล่าวให้รีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์
"ดังนั้นอยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีเพื่อให้ปลอดจากการเจ็บป่วยฉุกเฉินในทุก ๆ โรค ที่สำคัญต้องออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ตรวจเช็คสุขภาพประจำปี หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และที่สำคัญคือต้องไม่เครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ และลดความเครียดจากการทำงาน ที่ หากเจ็บป่วยฉุกเฉินก็ให้รีบโทรฯ แจ้งสายด่วน 1669"