นายเกรียงศักดิ์ เชื่อมสมบัติ นักศึกษาสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ หัวหน้าทีมจัดทำ แอพ "ท่องเที่ยวไทยสไตล์ VR" กล่าวว่า นักศึกษาผู้พัฒนาโปรแกรมแอพลิเคชัน ในครั้งนี้ ประกอบด้วย นายเกรียงศักดิ์ เชื่อมสมบัติ นายนฤเบศน์ ตั้งต้นเจริญ และนายปฐมพงศ์ พุ่มเทียน โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคือ อาจารย์อภิชาติ คำปลิวและอาจารย์ชนินทร เฉลิมสุข เป็นที่ปรึกษา ผลงานชิ้นนี้เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วยเทคโนโลยีVirtual Reality (VR) ด้วยภาพหรือวิดีโอเสมือนจริงโดยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาประเทศไทยในยุคDigital Thailand และ Thailand 4.0 โดยการจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ "ท่องเที่ยวไทยสไตล์ VR" นี้ได้รับการคัดเลือกให้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในการแข่งขันโปรแกรมคอมพิวเตอร์แห่งประเทศไทย ครั้งที่ 19 (National Software Contest : NSC 2017) ซึ่งจัดขึ้นโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ด้วย
นายเกรียงศักดิ์ กล่าวว่า เริ่มต้นแนวคิดการเขียนแอพ "ท่องเที่ยวไทยสไตล์ VR" โดยใช้ตัวเองและเพื่อนร่วมทีมเป็นแรงบันดาลใจ โดยทุกคนรักการท่องเที่ยวและชอบความเป็นอิสระ จึงเริ่มลองคัดเลือกสถานที่ท่องเที่ยวมาจำนวน 5 แห่ง ประกอบด้วย 1.เขาตะปู จังหวัดพังงา 2.ดอยเสมอดาว จังหวัดน่าน 3.วัดพระศรีสรรเพชญ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา 4.เมืองมัลลิกา รศ.124 จังหวัดกาญจนบุรี และ 5.มอหินขาว จังหวัดชัยภูมิ นำมาสร้างเป็นโมเดลจำลองผ่านมุมมองเสมือนจริง โดยมีความชัดเจนของภาพวิวทิวทัศน์ของสถานที่ต่าง ๆ ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้งบประมาณ 4 หมื่นบาท ประโยชน์ของแอพ "ท่องเที่ยวไทยสไตล์ VR" คือสามารถบอกเล่าเรื่องราวของสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ของประเทศไทย และนำไปถ่ายทอดประสบการณ์เที่ยวให้นักท่องเที่ยว ที่สามารถทดลองเล่น ซึ่งระบบแอพ ดังกล่าว จะถูกนำมาจัดแสดงตามงานอีเว้นท์ต่าง ๆ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของไทย ซึ่งในอนาคต จะมีการต่อยอดเพิ่ม Caption บรรยายเป็นภาษาอังกฤษและภาษาไทย เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้มากขึ้นด้วย
สำหรับแอพลิเคชัน "ท่องเที่ยวไทยสไตล์ VR" เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในลักษณะเสมือนจริง โดยการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยหลักของการใช้งาน ผู้เล่นแอพลิเคชันดังกล่าว จะมองผ่านแว่น 3 มิติ Virtual Reality (VR)และเข้าเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในลักษณะ 3 มิติที่สมจริง สวยงาม ร่วมกับเทคโนโลยี VR ที่ผู้ใช้งานสามารถนำแอพลิเคชันฯ นี้มาใช้งานร่วมกับแว่น 3 มิติ Virtual Reality (VR) ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานแอพลิเคชันสามารถท่องเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ในประเทศไทย เสมือนกำลังเดินอยู่ในสถานที่นั้นจริง ๆ นับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่และเป็นการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้เพื่อช่วยพัฒนาประเทศได้อย่างลงตัว และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการส่งเสริมการเผยแพร่การประชาสัมพันธ์ของการท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกช่องทางหนึ่ง