นาย วิลเลี่ยม แฮริส หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มด้านการเงิน บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยว่า จากการที่ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัดได้เสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 4/2560 ด้วยมูลค่าที่เสนอขายรวมทั้งสิ้น 13,000 ล้านบาท โดยเสนอขายต่อผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ระหว่างวันที่ 27-28 เมษายน พ.ศ. 2560 และวันที่ 2-3 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 และออกหุ้นกู้ในวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมานั้น มีนักลงทุนสนใจจองซื้อหุ้นกู้เต็มจำนวนที่บริษัทออกเสนอขาย บริษัทขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความสนใจและให้การตอบรับในหุ้นกู้ของบริษัทเป็นอย่างดี
หุ้นกู้ของบริษัทที่จัดจำหน่ายครั้งนี้ ประกอบด้วยหุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.50% อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.00% อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.50% และอายุ 12 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.75% ซึ่งบริษัทมีสิทธิ์ไถ่ถอนหุ้นกู้ทุกชุดก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ ณ วันครบรอบ 1 ปีนับแต่วันออกหุ้นกู้ หรือ ณ วันกำหนดชำระดอกเบี้ยใด ๆ ภายหลังจากนั้น ทั้งนี้หุ้นกู้ที่เสนอขายในครั้งนี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ที่ระดับ "BBB+" แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560 โดยการออกหุ้นกู้ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อการจัดหาเงินทุน เพื่อชำระตั๋วแลกเงิน และ/หรือ หุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระ และ/หรือ ขยายธุรกิจของบริษัท และบริษัทย่อย และ/หรือ บริษัทในเครือของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่และการสื่อสารแบบไร้สาย รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการดำเนินการของบริษัท และ/หรือ กลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่
สำหรับธนาคารผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ของบริษัทในครั้งนี้ ประกอบด้วย ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โดยทางกลุ่มผู้จัดการจำหน่ายกล่าวว่า การเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้เป็นการเสนอขายหุ้นกู้ที่มีอายุของหุ้นกู้ยาวที่สุดของบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด และรวมถึงเครือบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น โดยมีการเสนอขายหุ้นกู้รุ่นอายุ 12 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด เป็นผู้ประกอบการไทยที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยจำนวนคลื่นความถี่สำหรับการให้บริการมากที่สุด ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการบริหารจัดการคลื่นความถี่ทั้งหมดเพื่อตอบสนองความต้องการบริการด้านข้อมูลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว