นายอนิศ โอสถานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DCORP เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท DCORP มีมติเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2560 ให้บริษัท ดีมีเตอร์ มีเดีย จำกัด (DMedia) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เข้าลงทุนในบริษัท บลู ฟีนิกซ์ ดิจิตัล จำกัด (Blue Finix) ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับการพัฒนาแอพพลิเคชั่นในระบบถ่ายทอดสดออนไลน์ (Online Live Streaming Platform) ในสัดส่วน 30% ใช้วงเงินไม่เกิน 75 ล้านบาท
โดยแบ่งการลงทุนเป็น 2 รูปแบบ คือ การซื้อหุ้นสามัญบริษัทบลู ฟีนิกซ์ฯ ในสัดส่วน 20% คิดเป็นมูลค่ารวม 49.37 ล้านบาท และการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัทบลู ฟีนิกซ์ฯ ในสัดส่วน 10% คิดเป็นมูลค่ารวม 25 ล้านบาท เพื่อดำเนินการพัฒนาแอพพลิเคชั่นและสนับสนุนทางการตลาด ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดตัวแอพพลิเคชั่นมีเดียได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้
"การเข้ารุกธุรกิจแอพพลิเคชั่นมีเดียในครั้งนี้ บริษัทเห็นโอกาสที่ตลาดมีอัตราการเติบโตสูง ซึ่งตลาดปัจจุบันมีมูลค่าสูงถึง 3,400 ล้านบาท โดยการเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญและหุ้นสามัญเพิ่มทุนในบริษัทบลู ฟีนิกซ์ฯ จะเป็นการขยายฐานของรายได้และสามารถสร้างรายได้ได้ทันทีที่เริ่มเปิดใช้ระบบ ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัท เนื่องจากแอพพลิเคชั่นมีเดียที่จะเริ่มเปิดตัวในเดือนมิถุนายนนี้ ได้รับการตอบรับจากดีเจกว่า 400 คน ที่มีชื่อเสียงและเป็นเน็ตไอดอล มีผู้ติดตามผ่านโซเชี่ยลมีเดียกว่า 6 ล้านคน ทำให้บริษัทมั่นใจว่า จะสามารถดึงมาร์เก็ตแชร์ได้มากกว่า 50% หรือคิดเป็นกว่า 1,750 ล้านบาท" นายอนิศ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทมองเห็นว่า พฤติกรรมการบริโภคสื่อของคนไทยในยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนไปจากเดิม โดยหันมาเสพสื่อผ่านระบบโซเชียลมีเดียและแอพพลิเคชั่นต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟน และเครื่องคอมพิวเตอร์มากขึ้น เนื่องจากเป็นเครื่องมือการสื่อสาร ที่มีความคล่องตัว ทันสมัย และรวดเร็ว สามารถรับชมและเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา บริษัทจึงให้ความสนใจและศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจมีเดียในปัจจุบัน โดยใช้ประสบการณ์ในการทำธุรกิจมีเดียที่มีอยู่แล้ว จึงได้มีการตั้ง บริษัท ดีมีเตอร์ มีเดีย จำกัด หรือ DMedia เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินธุรกิจมีเดีย ซึ่งเป็นบริษัทลูก ที่ DCORP ถือหุ้น 100 %
นอกจากนี้ ในการเข้าทำรายการครั้งนี้ ที่ปรึกษาทางการเงินให้ความเห็นว่า บริษัท บลู ฟีนิกซ์ ดิจิตัล จำกัด อยู่ในธุรกิจที่มีมูลค่าทางการตลาดประมาณ 3,400 ล้านบาท และยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง การเข้าดำเนินการในครั้งนี้ จะเป็นการนำร่องสู่การธุรกิจถ่ายทอดสดออนไลน์และสามารถสร้างรายได้ทันทีที่เริ่มเปิดระบบ
นายอนิศ กล่าวว่า รูปแบบแอพพลิเคชั่นบลูฟินิกซ์ เป็นแอพพลิเคชั่นเพื่อการถ่ายทอดสดออนไลน์(Online Live Streaming Platform) ที่สามารถติดตั้งและใช้กับทุกระบบปฏิบัติการไม่ว่าจะเป็น ไอโอเอส (IOS) ของแอปเปิ้ล หรือ แอนดรอยด์ (Android) รวมถึงสามารถติดตั้งในระบบคอมพิวเตอร์ ในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นดังกล่าวแบ่งออกเป็น
1. ระบบแอพพลิเคชั่น Angel on Duty เป็นการร่วมทุนระหว่าง Blue Finix กับ เป็นบริษัท ทรีแดนซ์ พับบลิชชิ่ง จำกัด ซึ่งทำการถ่ายทอดสดด้วย โดยทีม Maxim Thailand จำนวน 270 ราย ประกอบด้วย Maxim Angels ที่มีความนิยมใน 200 อันดับแรกและกลุ่ม Attitude "Straight guys" จำนวน 70 ราย ได้มีการทดสอบระบบไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และคาดว่าเปิดเป็นทางการได้ในเดือนมิถุนายนนี้
2. ระบบ Finix TV เป็นระบบถ่ายทอดสดออนไลน์ (Online Live Streaming) เพื่อให้บุคคลธรรมดาสามารถถ่ายทอดสด โดยผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนและถ่ายทอดสดรายการของตนเองได้ คาดว่า จะเริ่มดำเนินการได้ในเดือนมิถุนายนนี้เช่นกัน ทั้งนี้ ระบบ Finix TV จะมีดีเจและเน็ตไอดอลที่มีชื่อเสียง 350 คน เป็นผู้จัดรายการซึ่งเป็นบุคคลที่มีผู้ติดตามผ่าน Social Network จำนวนมาก เช่น ติดตามผ่าน Facebook จำนวนประมาณ 6 ล้านราย, ผ่านระบบ Instagram จำนวนประมาณ 8 ล้านราย เป็นต้น
3. ระบบ Social Portal Media Platform เป็นการร่วมดำเนินการระหว่าง Blue Finix กับกลุ่มผู้ผลิตรายการมืออาชีพซึ่งเป็นระบบถ่ายทอดสดออนไลน์ (Online Live Streaming) โดยเนื้อหาของรายการ (Content) จะถูกจัดโดยกลุ่มผู้ผลิตรายการมืออาชีพ คาดว่า จะเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2561