โครงการ SET เชิดชูผู้ทำความดีเพื่อสังคม โดยมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 10 แล้ว สำหรับปีนี้ได้จัดให้มีพิธีมอบรางวัลกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้ได้รับรางวัลจำนวนทั้งสิ้น 11 ราย จาก 7 สาขา โดยสาขาการพัฒนาห้องสมุดประจำปี 2559 มีผู้ได้รับรางวัล 2 รายด้วยกัน ได้แก่ มูลนิธิศาสตราจารย์ ดร.ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์ เพื่อส่งเสริมการอ่าน และดวงตา จิตตะกาญจน์ ซึ่งได้รับคัดเลือกจากสมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ ให้เป็นผู้ทำความดีเพื่อสังคม รับรางวัลศาสตราจารย์ คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต
มูลนิธิศาสตราจารย์ ดร.ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์ เพื่อส่งเสริมการอ่าน เป็นองค์กรเพื่อสังคมที่ ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2535 มุ่งทำงานเพื่อส่งเสริมการศึกษาด้วยตนเอง การรักการอ่าน รวมถึงส่งเสริมการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง และส่งเสริมการผลิตหนังสือที่มีคุณภาพ เพื่อประโยชน์ต่อเยาวชนและคนไทยอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 25 ปี ซึ่งรากฐานแห่งการก่อตั้ง มูลนิธิฯ คือ คติประจำใจของ ศาสตราจารย์ ดร.ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 3 สมัย ผู้ให้ความสำคัญยิ่งกับการส่งเสริมการอ่าน ที่ว่า "การอ่านเป็นเครื่องมือสำหรับการหาความรู้ที่ดีที่สุด"
โดยมูลนิธิฯ ได้ร่วมสนับสนุนการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการ และสถานศึกษาต่างๆ ผลักดันการส่งเสริมการอ่านแก่ชุมชนและจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยผ่านกิจกรรมและการประกาศเกียรติคุณเพื่อสร้างขวัญและกำลังใจ นอกจากนี้มูลนิธิฯ ยังมุ่งมั่นสนับสนุนโครงการที่สร้างประโยชน์ในการยกระดับคุณภาพการอ่านและการศึกษาที่เป็นพื้นฐานการพัฒนาที่สำคัญอย่างยิ่งของประเทศไทย อาทิ โครงการจัดพิมพ์หนังสือเพื่อเผยแพร่แนวคิด ทัศนะการศึกษา การส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทย ซึ่งเป็นผลงานเขียนของ ศาสตราจารย์ ดร.ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์ การประกวดการแต่งนิทานคุณธรรม การประกวดเรื่องสั้น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านดี การให้การสนับสนุนทุนทรัพย์แก่สถานศึกษาที่ดำเนินงานส่งเสริมนิสัยรักการอ่านอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น ทำให้เกิดการพัฒนาศักยภาพเยาวชนไทยในด้านการอ่านและการใช้ภาษาไทยทั่วประเทศ ซึ่งศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ เลขานุการคณะกรรมการมูลนิธิฯ กล่าวย้ำว่า "ศาสตราจารย์ ดร.ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์ ท่านมีคติประจำใจอยู่ว่า "การอ่านเป็นเครื่องมือสำหรับการหาความรู้ที่ดีที่สุด" ด้วยเจตนารมณ์ของท่านก็คือต้องการให้มีการส่งเสริมการอ่าน เพราะฉะนั้นเราก็มุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการจะทำอย่างไรให้คนอ่านหนังสือมากที่สุด"
ด้านดวงตา จิตตะกาญจน์ ครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ โรงเรียนอนุบาลคลองท่อม จ.กระบี่ ครูภาษาไทยผู้ซึ่งอุทิศตนกว่า 37 ปี ทำงานบรรณารักษ์ด้วยความทุ่มเท เสียสละทั้งแรงกาย เวลา และทุนทรัพย์ส่วนตัว พัฒนาห้องสมุดโรงเรียนและส่งเสริมการอ่านให้กับชุมชน ควบคู่กับการสอนภาษาไทยและการทำงานในหน้าที่อื่นๆ จนเป็นที่ศรัทธาของนักเรียน เพื่อนครู และชุมชน ที่เห็นผลสำเร็จในการพัฒนาเยาวชนให้ประสบความสำเร็จด้วยพื้นฐานแห่งการอ่านที่สามารถเปลี่ยนชีวิตปูทางสู่อนาคตที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งครูดวงตา เล่าด้วยความภาคภูมิใจว่า "การทำห้องสมุดนั้น ถ้าคนไม่รักจริงทำไม่ได้ เราเป็นครูเราก็ทำเพื่อเด็ก เราสามารถทำให้นักเรียนเปลี่ยนชีวิตได้จากการที่เขาอ่านหนังสือ และเขาสามารถมาทำกิจกรรมตรงนี้ ทำให้ชีวิตของแต่ละคนเปลี่ยนไป เรียกว่า อ่านหนังสือแล้วเปลี่ยนชีวิตได้จริงๆ"
ผลงานสำคัญ คือ การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ ให้เป็นศูนย์กลางการอ่านของโรงเรียนที่ตนเองสังกัดมาต่อเนื่อง โดยทำงานร่วมกับคณะครูและนักเรียนในโรงเรียน สร้างทีมยุวบรรณารักษ์ที่มีภาวะผู้นำ และส่งเสริมให้เกิดแรงบันดาลใจในการทำงานเพื่อส่งเสริมการอ่าน ทั้งในโรงเรียน และขยายผลไปนอกโรงเรียน โดยการนำยุวทูตการอ่านลงพื้นที่เพื่อจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้กับโรงเรียนในเครือข่าย รวมทั้งในชุมชนใกล้เคียง วัด ค่ายทหาร และสถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น จนทำให้โรงเรียนได้รับการคัดเลือกจาก สพฐ. และองค์กรที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นโรงเรียนแกนนำอ่านสร้างสุขในสถานศึกษา
ด้วยการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ทั้งกาย วาจา และจิตใจ ครูดวงตาจึงได้รับคัดเลือกเป็นครูต้นแบบในด้านต่างๆ หลายด้าน และจากการทำงานด้วยความมุ่งมั่น ส่งเสริมเยาวชนคนรุ่นใหม่ ส่งผลให้แกนนำยุวบรรณารักษ์ ได้รับรางวัลนักเรียนพระราชทาน ระดับประถมศึกษาโรงเรียนขนาดใหญ่ ประจำปี 2555 และปี 2558 และเยาวชนดีเด่น เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2559 ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่ดีในการสร้างยุวทูตการอ่าน และยุวบรรณารักษ์รุ่นใหม่ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ให้ขยายผลความสำเร็จต่อไป
ด้วยความมุ่งมั่นและทุ่มเททำความดีเพื่อสังคมมายาวนาน ทำให้ทั้งสองท่านได้รับเครื่องหมายการันตีความดี รางวัล ศาสตราจารย์ คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต ซึ่งคัดเลือกโดย สมาคมห้องสมุดแห่งประเทศไทยฯ ให้เป็นผู้ทำความดีเพื่อสังคมสาขาการพัฒนาห้องสมุด ประจำปี 2559 ในโครงการ "10 ปี SET เชิดชูผู้ทำความดีเพื่อสังคม" โดยมูลนิธิตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย