ดร.ทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ฟาร์มา กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้ว่า
"สิ่งที่ทุกคนกังวลเมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้นก็คือการออมเงินเพื่อเตรียมไว้สำหรับการรักษาโรคในยามที่เจ็บป่วย ซึ่งถ้าปล่อยให้เป็นโรค โดยเฉพาะโรคเรื้อรังก็จะต้องใช้เงินจำนวนมาก แนวโน้มการป้องกันโรค ด้วย ศาสตร์ชะลอวัย "เวลเนส แอนด์ แอนตี้เอจจิ้ง" ( Wellness & Anti-Aging) หมายถึงการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและชะลอวัย โดยไม่ใช้ยา แต่จะเป็นสารอาหาร ทดแทน หรือ เน้นการสร้างสมดุลให้อวัยวะภายในต่างๆ ที่เรียกว่า "Nutraceuticals" หรือ "โภชนบำบัด" ซึ่งไม่ใช่ยาแต่มีประสิทธิภาพในการรักษาและป้องกันโรคและปราศจากผลข้างเคียง จึงถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมที่ทันสมัยและเหมาะสมกับสภาพสังคมไทยมากที่สุดที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนได้หันมาให้ความสำคัญ เพราะนอกจากจะมีประโยชน์
ต่อตัวเองแล้ว ในภาพรวมยังเป็นการช่วยประหยัดด้านเศรษฐกิจส่วนบุคคล ส่วนครอบครัว และส่วนงบประมาณของประเทศที่ต้องสูญเสียไปกับการรักษาโรคเรื้อรังอีกด้วย"
"นอกจากเรื่องของศาสตร์การชะลอวัยแล้ว ด้านนวัตกรรมความงาม หรือ "Aesthetics Innovation"ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจ เช่น ทำอย่างไรที่จะทำให้ผิวพรรณยังดูเต่งตึง ไม่เหี่ยวย่น ตัวที่มาแรงก็คือ "เวชสำอาง" (Cosmeceuticals) ที่มีส่วนประกอบของอิพิเดอร์มอล โกรท แฟคเตอร์ (Epidermal Growth Factor) ซึ่งพบว่าสามารถกระตุ้นเซลล์ผิวหนังให้สร้างคอลลาเจน (collagen), กรดไฮยารูโลนิก (Hyaluronic acid) และอิลาสติน (Elastin)"
ดร.แจยุน จุง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผิวและความงามกล่าวถึง การดูแลผิวหน้าด้วยเวชสำอางที่มีส่วนประกอบของอิพิเดอร์มอล โกรท แฟคเตอร์ (Epidermal Growth Factor) ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง ช่วยลดเลือนริ้วรอย และยกกระชับผิวหน้าบนใบหน้าด้วยโบทูลินั่ม ทอกซิน ชนิด A ผ่านเทคนิคการฉีดใหม่ที่เรียกว่า นาโบลิฟท์ (Nabolift) ซึ่งเป็นเทคนิคการฉีดที่กำลังแพร่หลายอยู่ในวงการศัลยกรรมความงามของประเทศเกาหลีอยู่ในขณะนี้
ดร.อินนิโก เดอ ฟิลิเป่ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผิวและความงามจากประเทศสเปน เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผู้มีชื่อเสียงในระดับโลก มาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้กับแพทย์ในวงการความงามของไทยกับเทคโนโลยีอันทันสมัยที่เรียกว่า อีบริด เทคโนโลยี (e-brid Technology)ในการปรับรูปทรง และลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าให้กับกลุ่มผู้บริโภคชาวเอเชีย อย่างเช่น ชาวจีน ชาวเกาหลี และชาวไทย ซึ่งเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความงามใบหน้าเป็นอย่างมากในปัจจุบัน
รศ.พญ.รังสิมา วณิชภักดีเดชา กล่าวถึง ความชื่นชอบโครงสร้างของใบหน้าของคนเอเชียว่า "ชาวอเมริกันได้ทำการศึกษา โดยส่งรูปตัวเองแบบไม่ได้แต่งหน้าแล้วส่งไปให้เพื่อนของเธอ 25 ประเทศ แล้วบอกเพื่อนให้ใช้ Photo Shop แต่งรูปให้เธอสวยขึ้นส่งคืนกลับมา ผลคือ เพื่อนฝั่งเอเชีย แต่งรูปแบบผิวขาวกระจ่างกลับมา แตกต่างจากเพื่อนฝั่งยุโรปที่แต่งรูปผิวสีแทนกลับมา เราจึงศึกษาการทำให้สาวเอเชียมีความขาวกระจ่างใส ชะลอริ้วรอย สวยสมวัยและยังคงความงามแบบเอเชีย ในเมืองไทย ลูกค้าที่อายุต่ำกว่า 18 ส่วนมากจะมาทำทรีตเม้นท์ ผู้ปกครองจะมาด้วยพวกเขาไม่ต้องการทำศัลยกรรมพลาสติก มันคือหน้าที่ของเราที่ต้องทำให้พวกเขาออกมาดูดีที่สุด เป็นตัวของตัวเองไม่ใช่เปลี่ยนเป็นคนอื่น และการดำเนินงานไม่ใช่มาปรึกษาแล้วทำเลย เรามีการวางแผน 3 เดือน 6 เดือน เพื่อให้ใบหน้าค่อยๆเปลี่ยน พื้นที่บนใบหน้านั้น คือสิ่งสำคัญที่เป็นหน้าที่แพทย์อย่างเรา"
นพ.สมบูรณ์ รุ่งพรชัย กล่าวถึง โภชนบำบัดเพื่อสุขภาพ และชะลอวัยว่า "ความงามระยะยาวเกิดจากสุขภาพภายในร่างกาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร เนื่องจาก 60-80% ของภูมิคุ้มกันร่างกายเกี่ยวข้องกับระบบทางเดินอาหาร โภชนบำบัดตัวแรกที่เรานึกถึง คือโปรไบโอติก (Probiotics) โดยปัจจุบันมีการศึกษามากมายที่พบว่าแบคทีเรียในลำไส้ไม่ได้ส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารเพียงอย่างเดียว แต่ส่งผลถึงระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ผิวหนัง สภาวะอารมณ์ และสุขภาพโดยรวมด้วย เทรนของโปรไบโอติกจึงสูงขึ้นเรื่อยๆในแต่ละปี และเป็นโภชนเภสัชที่มีความนิยมที่สุดในตอนนี้ นอกจากนี้ โภชนบำบัดกลุ่มอื่นที่เป็นที่นิยมเช่นกัน ได้แก่ โอเมก้า3 ในรูปฟอสโฟไลปิด (Omega3-Phospholipid) สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) เช่น แอสต้าแซนทีน (Astaxanthin) และเคอร์คูมิน (Curcumin), เบต้ากลูแคน (Betaglucan) เป็นต้น"