นายพิชิต จันทรเสรีกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทกรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด(มหาชน)(KCAR) ) ผู้นำในธุรกิจรถให้เช่าเปิดเผยถึงผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/2560 บริษัทฯมีกำไรกว่า 87.51 ล้านบาทเพิ่มขึ้นกว่า 39%เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2559 ที่มีกำไรอยู่ที่ 62.95 ล้านบาท การเพิ่มขึ้นของกำไรนั้นมาจากการที่ยอดขายรถครบสัญญาเติบโตอย่างมาก การเพิ่มกำไรจากรถยนต์ที่ขายปรับตัวดีขึ้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายทำได้ดีขึ้น ทั้งในส่วนของธุรกิจให้เช่ารถยนต์และ โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจขายรถยนต์มือสอง
"แม้ในช่วงต้นปีนี้ สภาวะการขายรถยนต์มือสองจะเติบโตไม่มากนัก และราคาขายยังอยู่ในสภาวะทรงตัว แต่เราก็สามารถเพิ่มยอดขายได้มากกว่า 100 % และยังสามารถทำกำไรต่อหน่วยได้เพิ่มขึ้นอีก 2-3% ส่วนธุรกิจรถยนต์เช่า เราก็เติบโตได้ดีมีการขยายตัวได้ตามแผนงานที่วางไว้ และสามารถลดต้นทุนได้อีกทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นค่าซ่อมบำรุง ค่าประกันภัย และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร ที่ล้วนมีต้นทุนลดลงกว่าปีที่แล้ว 3-5% "
ส่วนในช่วงที่ผ่านมาที่ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงมาลงจากก่อนการประกาศผลประกอบการณ์ไตรมาส1 เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลในเรื่องอัตรกำไรเบื้องต้นที่ปรับตัวลดลงนั้น นายพิชิต กล่าวว่า "อัตรากำไรเบื้องต้นที่ลดลงเกิดจาก 2 สาเหตุหลักๆ คือ การที่บริษัทมีการจำหน่ายรถยนต์มือในไตรมาส1 เพิ่มกว่า 100% ทำให้ต้นทุนในการเตรียมรถเพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน แต่เราทำได้ดีเพราะต้นทุนไม่ได้ปรับตัวขึ้น 100% ตามยอดขาย ทำให้กำไรเราเพิ่มขึ้นมาก นอกจากบริษัทฯจะขายได้เพิ่มขึ้นแล้ว ยังขายได้ในราคาที่ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เรามุ่งเน้นการปรับสภาพรถให้ดียิ่งขึ้นทุกคัน แต่นั่นทำให้ต้นทุนในการเตรียมรถเราก็เพิ่มขึ้น
อีกสาเหตุ คือ การคิดค่าเสื่อมราคารถยนต์ในอัตราที่สูงสุดในตลาด ซึ่งเป็นวิธีการบริหารที่ลดความเสี่ยงในการจำหน่ายรถเมื่อครบสัญญาในอนาคต และจะทำให้มีกำไรมากขึ้นตอนขายเมื่อครบอายุสัญญา ตามที่เห็นได้จากผลประกอบการเราในไตรมาสนี้ อีกทั้งยังมีค่าเสื่อมราคาของรถที่เราสั่งเข้ามาเพื่อทะยอยส่งมอบให้ลูกค้าเมื่อปลายปีที่แล้ว เพื่อให้ได้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนทางภาษีตามมาตราการของรัฐบาล โดยรถจำนวนมากจะทะยอยส่งมอบ และรับรู้รายได้ในไตรมาส2 แต่ค่าเสื่อมเราเริ่มคิดตั้งแต่ไตรมาส1 จึงทำให้อัตรากำไรเบื้องต้นจากการปล่อยเช่าเราลดลง