นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) (STA) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯมีเป้าหมายรักษาความเป็นผู้นำส่วนแบ่งการตลาดอุตสาหกรรมยางธรรมชาติในตลาดโลก จากปีก่อนที่ครอบครองส่วนแบ่งการตลาดที่ 12% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความต้องการใช้งานยางพาราทั่วโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น โดย IRSG คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 12.9 ล้านตัน ซึ่งบริษัทมีศักยภาพในการผลิตสูงสุดด้วยจำนวนโรงงานมากถึง 35 แห่ง และมีศูนย์กลางการกระจายสินค้าที่ครอบคลุมเพื่อรองรับดีมานด์จากทั่วทุกมุมโลก
แผนการดำเนินงานในปีนี้ จะมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมใหม่โดยฝ่ายวิจัยและพัฒนาของบริษัทฯ เพื่อสนับสนุนกระบวนการผลิตวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ขยายฐานลูกค้าในประเทศต่างๆ ทั่วโลก และเพิ่มกำลังการผลิตให้ได้ถึง 2.9 ล้านตัน จากปีก่อนอยู่ที่ 2.4 ล้านตัน
"ปัจจุบันบริษัทฯถือเป็นรายเดียวในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติของโลก ที่ดำเนินธุรกิจยางพาราครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ในปีที่ผ่านมาเราสามารถสร้างการเติบโตได้ถึง 33% ในขณะที่อุตสาหกรรมยางธรรมชาติทั่วโลกมีการเติบโตเพียง 3% หรือมีความต้องการยางธรรมชาติอยู่ที่ 12.5 ล้านตัน ซึ่งการเติบโตดังกล่าวถือเป็นสถิติยอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์วงการยางธรรมชาติ เราตั้งเป้าว่าภายในระยะเวลาสองถึงสามปีข้างหน้า เราจะมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 20% และจะยังคงรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโลกทั้งในธุรกิจกลางน้ำและปลายน้ำในการผลิตถุงมือยางทางการแพทย์ด้วย" นายวีรสิทธิ์ กล่าว
สำหรับธุรกิจปลายน้ำของบริษัทในเครือ บริษัท ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตถุงมือยางทางการแพทย์รายใหญ่ที่สุดในประเทศและติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก คาดว่าจะมีการเติบโตที่ดีเช่นกัน เนื่องจากแนวโน้มความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี ซึ่งบริษัทฯมีแผนวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตลอดจนกระบวนการผลิตให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เพิ่มกำลังการผลิตจากเดิม 14,000 ล้านชิ้น และทยอยเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดต่อไปในอนาคต
นายวีรสิทธิ์ กล่าวต่อไปว่า นอกเหนือจากการสร้างการเติบโตทางธุรกิจแล้ว STA ยังคงเดินหน้าพัฒนาและยกระดับอุตสาหกรรมยางพาราของประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษามาตรฐานให้ไทยเป็นผู้นำในตลาดยางพาราโลกตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
โดยในส่วนของบริษัทฯได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์มุ่งสู่การเป็น 'The World's Largest Green Rubber Company' หรือ 'องค์กรแห่งยางสีเขียวที่ใหญ่ที่สุดในโลก' ซึ่งรวมถึง 'ผลิตภัณฑ์สีเขียว' ที่มาจากต้นยางธรรมชาติ ผ่าน 'กระบวนการผลิตสีเขียว' ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเกิดจาก 'การสรรหาวัตถุดิบสีเขียว' ที่ซื้อขายยางด้วยความยุติธรรมกับเกษตรกรอย่างเป็นระบบเชื่อถือได้ ภายใต้ "การบริหารงานสีเขียว" ที่เน้นธรรมาภิบาลต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในธุรกิจเสมอมา เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วย R&Dพร้อมทั้งรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโลกอีกด้วย