นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) (BEAUTY) ผู้ดำเนินธุรกิจจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว เปิดเผยถึงผลประกอบการ ไตรมาส 1 ปี 2560 ว่า บริษัทมีผลประกอบการที่โดดเด่นและยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 687.53 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 529.91 ล้านบาท จำนวน 157.62 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น29.7% และมีกำไรสุทธิ 199.65 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 129.22 ล้านบาท จำนวน 70.43 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 54.5% และมีอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมที่มีอยู่ (Same Store Sale Growth ) เป็นบวกถึง 14.38%
โดยผลประกอบการปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากผลิตภัณฑ์ของทุกแบรนด์ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างมาก ประกอบกับบริษัทได้มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศครบทุกช่องทาง พร้อมทั้งมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ครอบคลุมต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้า จึงส่งผลให้ยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้น
"แนวโน้มตลาดเครื่องสำอางในไตรมาส 2 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ลดลง เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าที่มีความต้องการซื้อใช้และซื้อซ้ำอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าปีนี้ตลาดเครื่องสำอางจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 9 % เชื่อว่าทิศทางธุรกิจในไตรมาส 2/60 จะเติบโตในเกณฑ์ที่ดี จากกลยุทธ์ของบริษัทที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายทุกรูปแบบ"นายแพทย์สุวิน กล่าว
ทั้งนี้ตลาดในประเทศมีแผนการขยายสาขา BEAUTY BUFFET 30 สาขา BEAUTY COTTAGE 15 สาขาBEAUTY MARKET 5 สาขา จากปัจจุบันมีจำนวนสาขาในประเทศรวม 332 สาขา ขณะที่ช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรด มีสินค้าวางจำหน่ายผ่าน KING POWER จำนวน 7 สาขา จากสาขาของ KING POWER 9 สาขา และวางจำหน่ายร้านสะดวกซื้อ เซเว่น-อีเลฟเว่น (7-11) จำนวน 1,100 สาขา ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก
สำหรับตลาดต่างประเทศปีนี้มีแผนขยายสาขา Independent shop จำนวน 22 สาขา ในกลุ่มประเทศ CLMV 14 สาขา ประกอบด้วย กัมพูชา 2 สาขา ลาว 1 สาขา พม่า 1 สาขา เวียดนาม 10 สาขา และในฟิลิปปินส์ 8 สาขา ซึ่งล่าสุดได้เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าอายาลา มอลล์ เดอะ เธอร์ตี้ท์ กรุงมะนิลาอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อเดือนเมษายน 2560 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2560 บริษัทจะมี Independent Shop รวมทั้งสิ้น 62 สาขา โดยแบ่งเป็น กัมพูชา 9 สาขา ลาว 3 สาขา พม่า 3 สาขา เวียดนาม 39 สาขาและฟิลิปปินส์ 8 สาขา ขณะที่รูปแบบ Shop in Shopมีการเซ็นสัญญาตัวแทนจำหน่ายแล้วทั้งหมด3 ประเทศ จำนวนรวม 138 สาขา คือ อินโดนีเซีย จำนวน 19 สาขา ฮ่องกง 100 สาขา ไต้หวัน 19 สาขา นอกจากนี้บริษัทจะรุกตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ และอี-คอมเมิร์ซbeautyplazaonline.com อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้สื่อในกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ช่องทางดังกล่าวจึงเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม โดยตั้งเป้าหมายสร้างการเติบโตของรายได้ในส่วนนี้อยู่ที่ 60% คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 4 % จากสัดส่วนรายได้รวมทั้งหมด