นายภาสิต ลี้สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRC ผู้ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในงานวางระบบท่อ ธุรกิจรับเหมาติดตั้งระบบวิศวกรรมและก่อสร้างโรงงานในอุตสาหกรรมพลังงาน และปิโตรเคมี และธุรกิจพัฒนาโครงการและการลงทุน เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรก กลุ่มบริษัทฯคว้างานใหม่เข้ามาจำนวน 3โครงการ มูลค่ารวม 916 ล้านบาท และได้รับงาน Early Woks เพิ่มเติมจากบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) สำหรับการสั่งซื้อเครื่องจักรที่มีระยะเวลาการผลิตนาน (Long Lead Items)มูลค่า 2,311 ล้านบาท ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2560 กลุ่มบริษัทฯ มีงานในมือที่ยังไม่ได้รับรู้รายได้ที่ 5,952 ล้านบาท แบ่งเป็นงานจาก TRC จำนวน 4 โครงการ มูลค่างานคงเหลือ 4,284 ล้านบาท และงานของบริษัท สหการวิศวกร จำกัด จำนวน 5 โครงการ มูลค่างานคงเหลือ 1,668 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2559 ที่มีงานในมืออยู่ที่ 3,680 ล้านบาท นอกจากนั้นแล้ว ในเดือนเมษายน บริษัทฯ ยังได้รับ Letter of Intents งานจากปตท. อีก 209 ล้านบาท และสหการวิศวกรได้รับ Letter of Intent งานใหม่โครงการปรับปรุงเส้นทางที่ทำการอุทยานแห่งชาติขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช มูลค่างาน 98 ล้านบาท
นอกจากนั้นแล้ว บริษัทฯ ยังคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญารับเหมาก่อสร้างกับ APOT มูลค่างานคงเหลือ 3.1 หมื่นล้านบาทภายในครึ่งปีหลังของปีนี้ และจะเข้าประมูลงานท่อก๊าซของปตท. อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งงานรับเหมาก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล บริษัทฯ ยังคงมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ที่ 8 พันล้านบาท
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 1/2560 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวม 954 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 40 ล้านบาท รายได้จากค่าบริการก่อสร้างมาจากโครงการระยะยาวของบริษัทฯ ที่ยกมาจากปี 2559 คือ โครงการ The 1st Transmission Pipeline Life Extension Project 28" Recoating Section จากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และโครงการของสหการวิศวกร ได้แก่โครงการจ้างเหมาก่อสร้างปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาค สาขาเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีจากการประปาส่วนภูมิภาค โครงการก่อสร้างถนนศรีนครินทร์- ร่มเกล้า ช่วงที่ 1 จากกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รายได้ที่ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนเนื่องจาก ช่วงปลายปี 2559 บริษัทฯดำเนินโครงการและส่งมอบงวดงานที่มีอยู่ในมือไปหลายโครงการ ส่วนงานที่ได้รับเพิ่มเติมในระหว่างงวดอยู่ในระหว่างการเริ่มดำเนินโครงการ
จากภาวะการการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรม และงานในมือที่รับรู้รายได้ในไตรมาสนี้ส่วนใหญ่เป็นงานวิศวกรรมและงานโยธา ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นไม่มากนัก ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 10.08 ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2560 บริษัทฯ จะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นที่อัตราการจ่ายปันผล 0.0218571 บาทต่อหุ้น ประกอบด้วยเงินปันผล 0.004 บาทต่อหุ้น และหุ้นปันผลที่อัตรา 7 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่