นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์นี้ ยังคงเดินหน้าลำบาก ทั้งเรื่องของการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ของโรงพยาบาลในประเทศอังกฤษ และระบบคอมพิวเตอร์ของ FedEx ซึ่งเป็นบริษัทส่งสินค้าใหญ่ระดับโลก และคอมพิวเตอร์กว่า 2 แสนระบบทั่วโลก มากกว่า 150 ประเทศ ซึ่งเป็นปัญหาที่น่ากังวลอยู่พอสมควร นอกจากนี้ เกาหลีเหนือ ได้ทดลองยิงขีปนาวุธอีกครั้งในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดกลับมากังวลปัญหาเกาหลีเหนืออีก ด้านตลาดหุ้นสหรัฐยังมีความกังวลเรื่องนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐปลดนายเจมส์ โคมีย์ ออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ที่กำลังเกิดความขัดแย้งในรัฐสภารอบใหม่อันอาจส่งผลให้การออกกฎหมายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ทรัมป์หาเสียงไว้ต้องชะลอช้าออกไปอีกมากได้
ภายในประเทศ วันนี้ สภาพัฒน์ฯ ได้ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 1 อยู่ที่ 3.3% ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ขณะที่ทั้งปี 60 คาดว่า GDP จะขยายตัว 3.3-3.8% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออก การขยายตัวของการลงทุนภาครัฐและการบริโภคภาคครัวเรือน การปรับตัวดีขึ้นของการผลิตสินค้าเกษตรและราคาสินค้าเกษตร การขยายตัวของภาคท่องเที่ยว และการปรับตัวดีขึ้นของตลาดรถยนต์ในประเทศ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนตลาดหุ้นไทย
อย่างไรก็ตาม จากความไม่แน่นอนที่มีอยู่ทั่วโลก ทำให้นักลงทุนในตลาดส่วนใหญ่ ปรับลดการลงทุนในหุ้น และหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบ ปรับตัวบวกขึ้นมาเล็กน้อย เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นไปต่อได้ ทั้งนี้ บล.เอเชีย เวลท์ มองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ในกรอบแคบ ๆ ที่ระดับ 1,532-1,556 จุด
ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของไทยที่ชะลอตัวในไตรมาส 1/60 คาดว่า น่าจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส ต่อ ๆ ไป โดยคาดว่า น่าจะอยู่ในระดับใกล้ 200,000 ล้านบาท ต่อไตรมาส และคาดว่าทั้งปี น่าจะโตขึ้น 13-14% จากปี 59 อยู่ระดับเหนือ 1 ล้านล้านบาท
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ แนะนำเลือกหุ้นที่มี Theme การลงทุนที่เป็นหลักของภูมิภาค และประเทศไทยด้วย คือ หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูง โดยในสัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำหุ้น SCCC ของ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) เป็น หุ้น Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ โดยให้ราคาเป้าหมายปี 60 ของ Bloomberg ที่ 293 บาท เนื่องจาก คาดว่า จะได้ประโยชน์อย่างมากจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน หลายโครงการในภูมิภาคเอเชีย และในประเทศไทยนับจากนี้ไปอีกหลายปี
โดยปัจจุบัน หุ้น SCCC ขณะนี้ซื้อขายที่อัตราส่วน PE ปี 2560 ที่เพียง 15.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 20 เท่า และค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่ 24.4 เท่า นอกจากนั้น SCCC จ่ายเงินปันผลดีในระยะเวลาที่ผ่านมา และคาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลได้ไม่ต่ำกว่าอัตรา 5% ต่อปีในปีนี้และปีหน้า แม้บริษัทจะรายงานกำไรสุทธิไม่ค่อยดีนักในไตรมาสที่ 1/60 ที่ 550 ล้านบาท (-60% YoY และ -37% QoQ) แต่ยอดขายกลับเติบโตก้าวกระโดด 29% YoY และถ้าหักรายการพิเศษด้านค่าใช้จ่ายครั้งเดียวออกไป 400 ล้านบาท ก็ถือว่ากำไรสุทธิก็ไม่เลวนักที่ 950 ล้านบาท (-30%YoY)
ประเด็นสำคัญ คือ โรงงานปูนซีเมนต์ที่เพิ่งไปซื้อกิจการมาในบังกลาเทศ ศรีลังกาและเวียดนาม มียอดขายรวมกันถึงกว่า 3 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 310 ล้านบาท โดยอุปสงค์ใน 3 ประเทศนี้เติบโต 6-8% ในไตรมาส 1/60 ขณะที่ในประเทศติดลบ 4% อย่างไรก็ตาม เรามองว่าอุปสงค์ซีเมนต์ในประเทศจะเร่งตัวแรงในครึ่งหลังของปีนี้เป็นต้นไปจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐภายในประเทศกว่า 1 ล้านล้านบาทที่กำลังเริ่มต้นแล้ว ทั้งนี้ ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) เพิ่งปรับประมาณการการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในเอเชียไม่รวมญี่ปุ่นขึ้นเป็นปีละ 1.7 ล้านล้านดอลลาร์จากปีนี้ไปจนถึง 2573 เพิ่มขึ้นราวเท่าตัวจาก 12 เดือนที่ผ่านมารวม 8.81 แสนล้านดอลลาร์
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลสำรวจของบลูมเบิร์กออกมาว่านักวิเคราะห์คาดกำไรของ SCCC จะโต 7.8% ปีนี้ แล้วเร่งตัวขึ้นเป็นโต 16.9% ปีหน้า แม้ราคาเป้าหมายของบลูมเบิร์กจะไม่สูง แต่เรามองว่านับจากนี้นักวิเคราะห์จะต้องปรับประมาณการและเป้าหมายขึ้นโดยลำดับ
ด้าน Technical รูปแบบราคา (Price Pattern) ของ SCCC มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้งสัญญาซื้อรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน และมีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 310บาท และต่อไปที่ 343 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ SCCC มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 280 บาท โดยมีแนวต้านที่ 287.00, 291.00,และ 297.00 บาท และแนวรับ 282.00, 278.00 และ 272.00 บาท