SPCG ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงาน Opportunity Day Q1/2017 โดยผลการดำเนินงานไตรมาส 1/60 บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตขึ้นร้อยละ 10

จันทร์ ๑๕ พฤษภาคม ๒๐๑๗ ๑๕:๔๓
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2560 ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ "SPCG" ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดงานวันบริษัท จดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงาน ของ บมจ. เอสพีซีจี ประจำไตรมาส ที่ 1/2560 บริษัทมีรายได้รวม 1,301.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน1,230.4 ล้านบาท กำไรสุทธิรวม 756.8 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่า ร้อยละ 10 เมื่อเปรียบเทียบช่วงเดียวกันของปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิรวม 690.4 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีอัตราส่วนราคาต่อกำไร PE Ratio ประมาณ 8.3 เท่า ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2560

ทั้งนี้เป็นผลเนื่องมาจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการจ่ายชำระคืนหุ้นกู้ตามกำหนด ทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน DE Ratio 1.38 เท่า ณ วันที่ 31 มีนาคม 2560 ลดลงจาก ณ 31 ธันวาคม 2559 ที่มีจำนวน1.48 เท่า

ประกอบกับบริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการขาย และให้บริการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา SPR Solar Roof ภายใต้บริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด (บริษัทในเครือ บมจ.เอสพีซีจี) ซึ่งมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ได้รับความนิยมจากลูกค้าทั้ง ภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรม มีกระแสตอบรับที่ดีทั้งจากลูกค้าใหม่ที่ให้ความสนใจติดตั้ง และลูกค้าที่ได้ติดตั้งไปแล้ว เมื่อมีการขยายธุรกิจ ขยายบ้านหรืออาคาร ก็กลับมาติดตั้งผลิตภัณฑ์ Solar Roof ของ SPR ซึ่งลูกค้าพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ติดตั้ง Solar Roof ของ SPR แล้ว สามารถลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้าได้จริง ช่วยให้ประหยัดต้นทุนการผลิต และสร้างผลกำไรที่มากขึ้น

ดร.วันดี ได้กล่าวถึงความคืบหน้าของแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ว่า บริษัทได้ขยายการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้เริ่มพัฒนาโครงการในพื้นที่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟไดเซน กำลังการผลิตขนาด 30 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะพัฒนาโครงการแล้วเสร็จในปี 2561 นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสการลงทุนในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ซึ่ง SPCG มีความพร้อมสำหรับการลงทุนในตลาดนี้ ทั้งด้านพันธมิตร ทีมงาน และบุคลากรที่มีประสิทธิภาพจึงสามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้ทันที โดยคาดว่าจะมีโครงการโซลาร์ฟาร์มตามกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นเป็น 500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2562

สำหรับในปีนี้ SPCG มั่นใจว่า จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งรับรู้มาจากการดำเนินงานโซลาร์ ฟาร์ม ทั้ง 36 โครงการ รวมกำลังการผลิตกว่า 260 เมกะวัตต์ และยอดขาย SPR Solar Roof ที่เจ้าของธุรกิจให้การตอบรับมาก เพราะลูกค้าที่ติดตั้งภายในปีนี้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี 50% ของเงินลงทุน ภายในสิ้นปีนี้เท่านั้น โดยลูกค้าชำระเงินได้ในปีนี้ มีเวลาให้ติดตั้งใน 3 ปี ทำให้ผู้ติดตั้งคืนทุนได้ภายใน 6-7 ปี นอกจากนั้นลูกค้าจะเลือกเป็นหักค่าเสื่อม Depreciation ก็ได้ ปีนี้รัฐบาลให้สิทธิตัดได้ 1.5 เท่า โดยมีเงื่อนไขว่าต้องลงบันทึกในบัญชีว่าชำระเงินแล้วในปีนี้ถึงได้สิทธิ ช่วยให้ลูกค้าประหยัดค่าไฟฟ้าและคืนทุนได้ภายใน 7 ปี เท่ากับว่า ติด SPR Solar Roof ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำไรให้กับลูกค้า

นอกจากนั้นลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์ SPR Solar Roof แล้ว ต่างประทับใจในแผงเซลล์แสงอาทิตย์ของ Kyocera จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าสูง มีอายุการใช้งานยาวนาน รวมทั้งลูกค้ามั่นใจในบริษัท Kyocera ที่ก่อตั้งมา 60 ปี โดย ดร.อินาโมริ คาซึโอะ ซึ่งเป็น วิศวกรด้านเซรามิก เป็นผู้นำเซรามิก มาทำเป็นอิเล็กทรอนิกส์ พาร์ท เป็นผู้ที่รัฐบาลญี่ปุ่นเชิญมาให้ฟื้นฟู เจแปน แอร์ไลน์ จากล้มละลายมาสู่ การเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ญี่ปุ่น และ Kyocera เป็น 4 บริษัทในโลก ที่แผงเซลล์แสงอาทิตย์ผ่านการทดสอบ "World First Long-Term Sequential Test" by TUV Rheinland-January 2011 ให้การรับประกันแผงยาวนานถึง 25 ปี และหลังจากปีที่ 25 การันตีคุณภาพการผลิตไฟฟ้าได้ถึง 80 เปอร์เซนต์ นอกจากนี้บริษัทยังเลือกใช้ Inverter SMA มาตรฐานจาก ประเทศเยอรมันนี เพื่อสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและมาตรฐานความปลอดภัยอย่างสูงสุด

ดังนั้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าและผู้ถือหุ้น บมจ.เอสพีซีจี และ SPR Solar Roof ล่าสุดบริษัทจึงได้รับการรับรองระบบมาตรฐาน ISO 9001:2015 (ด้านคุณภาพ) ภายใต้นโยบายคุณภาพ"Best Value, Best Design, Best Output and Best Service To All of Customer" เพื่อนำระบบมาตรฐานมาประยุกต์ใช้ให้เกิดคุณภาพของการติดตั้งและบริการ

นอกจากนี้ SPR Solar Roof ยังได้การรับรองมาตรฐาน OHSAS 18001:2007 (การจัดการด้านความปลอดภัย) มาควบคุม กำกับ ดูแล การทำงานให้เกิดความปลอดภัยตามระบบสากล และข้อกำหนดกฎหมาย ภายใต้นโยบายความปลอดภัย "The Most Safety" โดยได้รับการรับรองจากหน่วยงาน NQA UKAS เมื่อเดือน กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ