นายพีท ริมชลา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/2560 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 238.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59.41 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 33.20 จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิสำหรับงวดอยู่ที่ 47.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.24 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 106.16% กำไรสุทธิส่วนของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่อยู่ที่ 38.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.10 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 81.15% เป็นผลมาจากการติดตั้งเครื่องจักรใหม่ส่งผลให้มีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์เดิมและกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นสินค้า Hi-end ซึ่งเริ่มมีคำสั่งซื้อและผลิตตั้งแต่ปลายปี 2559 โดยที่ผ่านมาส่งมอบสินค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาวะตลาดเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ จะเห็นได้จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ
กำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นและการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น จากเครื่องจักรใหม่ การควบคุมภายในลดการสูญเสียในสายการผลิตนำวัตถุดิบกลับมาใช้ใหม่ ส่วนค่าใช้จ่ายไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากเนื่องจากบริษัทย่อยเริ่มคงที่ จึงส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าในปีนี้จะมีค่าใช้ภาษีเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ของบริษัทใหญ่หมดลงในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้คาดว่าในไตรมาส 2/2560 ผลประกอบการของบริษัทฯ มีทิศทางเติบโตขึ้นต่อเนื่อง จากสภาวะตลาดที่มีการฟื้นตัวหลังประสบสภาวะซบเซาในช่วงต้นปีก่อน ประกอบกับบริษัทฯ สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Hi-end ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูงมากกว่ากลุ่มสินค้าเดิม อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มั่นใจเป้าหมายรายได้ทั้งปี 2560 เติบโตไม่ต่ำกว่า 8-10% จากปีที่ผ่านมา
"บริษัทฯเริ่มเห็นทิศทางผลประกอบการที่ดีขึ้นจากสภาวะตลาดที่ฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปี 2559 นับตั้งแต่ตลาดซบเซา HTECH เริ่มมีการปรับตัว ทั้งโครงสร้างการจัดการ การบริหารต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่าย และลงทุนเพิ่มเพื่อรองรับการผลิตสินค้า Hi-end พอตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศกลับมาดีอีกครั้ง ทำให้เรามีความพร้อมในการรับคำสั่งซื้อ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงลงทุนต่อเนื่องทั้งโรงงานผลิตเครื่องมือตัดเฉือนโลหะ (Cutting Tools) ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะเริ่มผลิตได้ไม่เกินต้นไตรมาส 3/2560 รวมถึงโรงงานใหม่ที่ประเทศไทยจะเริ่มผลิตในปลายไตรมาส 3/2560 หรือต้นไตรมาส 4/2560 จะช่วยหนุนรายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นได้อีก และมั่นใจเป้าหมายรายได้ปีนี้โต 8-10% ตามที่วางไว้ไม่ทำให้ผิดหวัง" นายพีท กล่าว
ส่วนความคืบหน้าในการย้ายหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอน คาดว่าจะได้รับอนุมัติภายในไตรมาส 2 ปีนี้