น้ำน้อย-ฝนเท-อากาศร้อนจัดแปรปรวน กระทบปลากระชัง ซีพีเอฟแนะวิธีรับมือลดความเสี่ยง

พุธ ๑๗ พฤษภาคม ๒๐๑๗ ๑๑:๕๔
ช่วงรอยต่อของฤดูร้อนต่อฤดูฝนอย่างในปัจจุบันสภาพอากาศของเมืองไทยจึงแปรปรวน กลางวันอากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูง สลับกับมีฝนตกหนัก พื้นที่ที่แต่เดิมมีน้ำน้อยกลับมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นแบบเฉียบพลัน และคุณภาพเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สภาวะเช่นนี้ส่งผลกระทบต่อปลากระชังในแม่น้ำที่ปรับสภาพไม่ทัน จนอาจเกิดอาการป่วยและเกิดความเสียหายได้

อดิศร์ กฤษณวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักพัฒนาธุรกิจสัตว์น้ำ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ มีแนวทางการจัดการสำหรับเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาเพื่อลดผลกระทบจากเรื่องดังกล่าว ประการแรกเกษตรกรต้องลงเลี้ยงปลาไม่ให้หนาแน่นเกินไป ควรลดปริมาณปลาที่จะลงเลี้ยงให้เหลือประมาณ 60-70% จากภาวะปกติ จะทำให้ปลาอยู่สบายไม่แออัดและเกิดความเครียดน้อย เพราะความเครียดจะส่งผลให้ปลากินอาหารน้อยลง การเจริญเติบโตช้าลง และอาจเจ็บป่วยได้ แต่หากผู้เลี้ยงต้องการเลี้ยงปลาในปริมาณเท่าเดิม แนะนำให้เพิ่มจำนวนกระชังแทนเพื่อลดความเสี่ยง ถ้าเป็นไปได้ควรย้ายกระชังลงไปในบริเวณน้ำลึกและมีอัตราการไหลที่ดีกว่า รวมทั้งต้องมีระบบป้องกันโดยการทำความสะอาดกระชังบ่อยครั้งขึ้น เนื่องจากฤดูร้อนพาราไซต์และแบคทีเรียจะเติบโตรวดเร็ว และควรกำจัดวัชพืชน้ำและสาหร่ายไม่ให้เกาะกระชัง ซึ่งจะช่วยลดการกีดขวางการไหลของน้ำผ่านกระชัง ที่จะทำให้ออกซิเจนในกระชังต่ำลง ควบคู่กับการตรวจค่าแอมโมเนียรวมที่ละลายน้ำไม่ควรเกิน 0.5 PPM และหากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพน้ำฉับพลัน ต้องผสมวิตามินซีในอาหารให้ปลากินติดต่อกัน 5-7วัน เพื่อช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคให้กับปลา

ขณะเดียวกัน เกษตรกรต้องระมัดระวังเรื่องปริมาณออกซิเจนในน้ำที่ต้องไม่ต่ำจนเกินไป โดยต้องวัดค่า DO (Dissolved Oxygen) หรือปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำ ให้บ่อยขึ้น เพราะน้ำที่อุณหภูมิสูงขึ้นออกซิเจนที่ละลายในน้ำจะลดลง จึงควรติดตั้งเครื่องตีน้ำเพื่อช่วยเติมอากาศในน้ำ โดยเฉพาะช่วงที่อากาศร้อนจัดในเวลากลางวัน ควรเปิดตลอดเวลาเพื่อให้น้ำมีการผสมกัน ไม่เกิดการแบ่งชั้นของน้ำ และช่วยให้อุณหภูมิน้ำไม่สูงจนเกินไป

สำหรับการเลี้ยงปลาในบ่อต้องมีการควบคุมคุณภาพน้ำ ปรับสภาพให้น้ำลึกไม่ต่ำกว่า 1.8 เมตร วัดค่าความขุ่นใสให้ได้ 40-50 เซ็นติเมตร และต้องวัดค่า DO บ่อยครั้งขึ้นและควรเปิดเครื่องตีน้ำในช่วงกลางวันด้วย

"ตัวช่วยที่ดีสำหรับช่วงอากาศร้อนและมีฝนตกหนักสลับเช่นนี้คือ การติดตั้งเครื่องตีน้ำไว้ข้างกระชังปลา หรือในบ่อเลี้ยงปลา โดยเทคโนโลยีนี้ซีพีเอฟได้พัฒนาต่อยอดมาจากระบบให้อากาศในบ่อเลี้ยงกุ้ง พบว่าสามารถเพิ่มอากาศในน้ำได้เป็นอย่างดี ช่วยลดอุณหภูมิน้ำได้ การไหลเวียนของน้ำดีขึ้น ทำให้การเลี้ยงปลามีประสิทธิภาพดีขึ้น ปลาเติบโตได้ดีขึ้น และมีความต้านทานโรคดี นอกจากนี้เกษตรกรต้องหมั่นตรวจสุขภาพปลาด้วยการสุ่มตรวจพาราไซต์และอาการผิดปกติของปลาเป็นประจำทุกๆสัปดาห์ โดยอาจจะเสริมสารโปรไบโอติก ที่เป็นแบคทีเรียที่มีประโยชน์เพื่อช่วยควบคุมสมดุลในตัวปลา หรือให้สารเพิ่มภูมิต้านทานกลุ่มเบต้ากลูแคน ที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทานของปลาช่วยป้องกันโรคติดเชื้อจากแบคทีเรียต่างๆได้" ผู้เชี่ยวชาญจากซีพีเอฟย้ำ

ที่สำคัญช่วงอากาศร้อนปลามักจะกินอาหารลดลง จึงควรหมั่นสังเกตการกินอาหารของปลา ควรให้อาหารเท่าที่ปลากินได้ โดยต้องให้กินให้หมดอย่าให้เหลือลอยน้ำ ซึ่งจะกลายเป็นอาหารของแบคทีเรีย หากปลาเริ่มกินได้ช้าลง ก็ไม่ควรปล่อยให้อาหารลอยน้ำเกิน 15 นาที ต้องตักออก และปรับปริมาณการให้อาหารให้พอดีกับการกิน อาจเปลี่ยนมาให้ในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็นที่อากาศไม่ร้อน และแบ่งการเป็น 5–6 มื้อต่อวัน เพื่อกระตุ้นการกิน

แนวทางการจัดการทั้งหมดที่ซีพีเอฟแนะนำนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงปลา เพียงเกษตรกรใส่ใจดูแลการเลี้ยงอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากอากาศที่แปรปรวนในปัจจุบันได้

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๓:๐๗ ทีทีบี ครองธนาคารไทยคะแนนสูงสุดด้าน ESG ต่อเนื่องปีที่ 6 ตอกย้ำความสำเร็จบนเส้นทางสู่ การธนาคารเพื่อความยั่งยืน
๑๓:๔๐ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดคาดเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องหนุน กนง. คงดอกเบี้ยนโยบาย
๑๓:๒๕ หมอนรองกระดูกเสื่อม สาเหตุปวดร้าวลงขา
๑๒:๕๖ กรุงศรี เอ็กซ์คลูซีฟ มองเศรษฐกิจโลก 2025 ฟื้นตัว แม้มีปัจจัยเสี่ยง ชี้ตราสารหนี้และหุ้นยังคุ้มค่าท่ามกลางความผันผวน
๑๒:๒๗ Thailand Privilege Card จับมือ ASAVA ปรับโฉมยูนิฟอร์มด้านบริการ ภายใต้คอนเซปต์ GRACE สะท้อนอัตลักษณ์ไทยร่วมสมัยสู่สากล
๑๑:๐๔ เครือสหพัฒน์ จัดสัมมนาเสริมบทบาทคณะกรรมการ ESG เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืน
๑๑:๒๖ กสิกรไทยส่งบริการมัดใจตลาดเวียดนาม กวาด 2 รางวัลใหญ่ ระดับนานาชาติ สุดยอดบัตรเครดิตใหม่และสุดยอดธนาคารแห่งใหม่เพื่อเอสเอ็มอีออนไลน์
๑๑:๕๙ 'พฤกษา' ตอกย้ำผู้นำด้านอสังหาฯ ผนึกความเชี่ยวชาญด้านการอยู่อาศัย สู่การสร้างชุมชนสุขภาพดี มอบสิทธิพิเศษ และโครงการดูแลสุขภาพลูกบ้านตลอดปี
๑๑:๒๓ TFG ติดปีก! ปี 67 กำไรพุ่งแตะ 3,143.81 ลบ. เพิ่มขึ้น 486.93%
๑๑:๑๖ SO ตอบแทนผู้ถือหุ้นโดยจ่ายปันผล 85% ของกำไร หรือ 0.18 บาท/หุ้น กวาดกำไรปี 67 กว่า 153 ล้านบาท