MPPM NIDA แนะรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการ EEC ให้เป็นรูปธรรม เชื่อช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยโดยรวมปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 3.5%

ศุกร์ ๑๙ พฤษภาคม ๒๐๑๗ ๑๗:๐๔
ผู้อำนวยการหลักสูตร MPPM NIDA เชียร์รัฐเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ EEC สร้างบรรยากาศกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 2 ต่อเนื่องถึงครึ่งปีหลัง เชื่อช่วยดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3.5%

รศ.ดร.มนตรี โสคติยานุรักษ์ ผู้อำนวยการหลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน สำหรับนักบริหาร (MPPM Executive program) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า จากภาพรวมบรรยากาศเศรษฐกิจของไทยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ที่เติบโตได้เป็นที่น่าพอใจเป็นผลมาจากการขยายตัวด้านการส่งออกในเดือนมีนาคมที่สูงถึง 9.22% ทำให้มูลค่าการส่งออกในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้เติบโต 4.92% โดยหากตัวเลขการส่งออกที่ขยายตัวด้วยระดับ 4% ได้ตลอดทั้งปี และภาคการบริโภค การลงทุนและภาครัฐร่วมกันขับเคลื่อนย่อมจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตได้ถึง 3.5%

อย่างไรก็ตาม การเติบโตด้านตัวเลขการส่งออกดังกล่าว เป็นผลมาจากแรงหนุนของราคาพืชผลทางเกษตร เช่น ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยางที่ปรับตัวสูงขึ้น ราคาสินค้าในกลุ่มโภคภัณฑ์และราคาสินค้าที่เกี่ยวเนื่องบางส่วน แต่ไม่ได้เกิดจากการเติบโตของอุปสงค์ภายนอกที่แท้จริง ดังนั้น หากต้องการให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ตามเป้าหมาย ภาคส่วนอื่นๆ ในระบบเศรษฐกิจจะต้องช่วยกันขับเคลื่อน โดยเฉพาะการลงทุนจากภาครัฐที่ต้องเป็นหัวหอกในการผลักดันนโยบายการลงทุนในโครงการต่างๆ ให้เห็นภาพชัดเจนและเป็นรูปธรรมในเชิงปฏิบัติให้เร็วที่สุด

ทั้งนี้ ภาครัฐควรเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณแผ่นดิน การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมและ โลจิสติกส์ ตลอดจนการลงทุนในโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทางภาคตะวันออก หรือ EEC อันจะเป็นปัจจัยเชิงบวกต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้ในระยะยาว โดยเฉพาะในกลุ่ม 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์ อิเล็คทรอนิกส์ การแปรรูปอาหาร การท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสินค้าส่งออกหลักของประเทศ ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้นและเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมที่สำคัญของอาเซียน

ผู้อำนวยการหลักสูตรการจัดการภาครัฐและภาคเอกชน สำหรับนักบริหาร นิด้า กล่าวว่า หากภาครัฐเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนโยบายการคลังและโครงการลงทุนต่างๆ ในเขต EEC ที่เน้นการจัดลำดับความสำคัญของโครงการอย่างเหมาะสม โดยเลือกโครงการที่มีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้มากที่สุด มาดำเนินการในเชิงปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในลักษณะออกดำเนินการเป็นชุดโครงการ เพื่อหวังอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนขนาดใหญ่เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจและส่งเสริมด้วยการขอความร่วมมือกับภาคการเงิน เพื่อใช้เป็นกลไกของนโยบายทางการเงินช่วยดึงดูดภาคเอกชนให้เกิดการลงทุนอย่างจริงจัง อันจะทำให้เกิดการจ้างงานและกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องตามมาเป็นระบบ ซึ่งจะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้จริงจากการลงทุนและกำลังซื้อภายในประเทศ ส่งผลดีต่อผลเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจะทำให้ GDP ของไทยปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 3.5%

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๔:๕๕ FTI รับ 2 รางวัล จากกระทรวงแรงงานและกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ประจำปี 2567
๑๔:๕๕ OKMD ร่วมกับ CMDF จัดประกวดประยุกต์ใช้ความรู้ด้านการเงินการลงทุน หนุนไอเดียเด็กมัธยม ต่อยอดทำธุรกิจเพื่อสังคม
๑๔:๓๐ แอลจีเผยเทรนด์ทำงานปี 2025 พร้อมเทคนิคใช้โน๊ตบุ๊กแบบสมาร์ทเวิร์กเกอร์
๑๔:๓๓ ทีเอ็มบีธนชาต สำรองธนบัตร 13,000 ล้านบาท ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568
๑๔:๒๒ เจียไต๋แมน เมื่อรุ่นเดอะผนึกกำลังกับรุ่นใหม่ เติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง
๑๔:๒๙ สุขภาพดีแบบไม่ต้องเดี๋ยว! รพ.วิมุต ชวนตรวจสุขภาพ - ปรับพฤติกรรมสไตล์คนไม่มีเวลาสร้างสุขภาพที่ดีในระยะยาวรับปีใหม่
๑๔:๕๐ HBA ส่องภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านปี 68 เผชิญความท้าทายใหม่ เร่งงัดกลยุทธ์ฝ่าแข่งขันสูง รุกเจาะตลาดใหม่ 'รอจังหวะฟื้น'
๑๔:๕๒ ดิเอมเมอรัลด์ช่วยสนับสนุนงานกาชาด
๑๔:๓๑ เอพี ไทยแลนด์ รับ 3 รางวัลจาก Meta ตอกย้ำจุดยืน แบรนด์อสังหาฯ ที่ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์และดาต้า
๑๔:๓๕ มาคาเลียส แหล่งรวม อี-วอเชอร์ที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว อันดับ 1 ของประเทศไทย เผย 10 เทรนด์ท่องเที่ยวไทยปี