อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) พร้อมด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ คณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน (Carnegie Mellon University) มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำระดับโลก โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และคอมพิวเตอร์ เตรียมเข้าพบนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 31 พ.ค. นี้ เพื่อรายงานความคืบหน้าและหารือเกี่ยวกับโครงการความร่วมมือระหว่าง 2 สถาบัน อันมีวัตถุประสงค์พัฒนาบุคลากรและนักศึกษาไทย ให้มีความสามารถในการสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยี รองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 พร้อมหนุนรัฐบาลเปิดช่องอำนวยความสะดวกให้สถาบันอุดมศึกษา ที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศเข้ามาเปิดการเรียนการสอนในเขตเศรษฐกิจพิเศษ เชื่อเป็นการกระตุ้น ให้เกิดการแข่งขันและพัฒนาคุณภาพการศึกษาภายในประเทศอย่างเข้มข้น รุดเปิดเวทีแลกเปลี่ยนทัศนะจากภาคการศึกษา ไอที อุตสาหกรรม และองค์กรเอกชนระดับโลก อาทิ PTT, SCG, TURE, Thaibev ฯลฯ เพื่อผลักดันภารกิจดังกล่าวให้ประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) เปิดเผยว่า ในวันพุธที่ 31 พ.ค. ที่จะถึงนี้ ตน พร้อมด้วย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ ศ.เจมส์ การ์เร็ต คณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน (Carnegie Mellon University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำระดับโลกมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์และคอมพิวเตอร์ จะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อเข้าพบ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานความคืบหน้าและหารือเกี่ยวกับโครงการความร่วมมือระหว่าง 2 สถาบัน อันมีวัตถุประสงค์พัฒนาบุคลากรและนักศึกษาไทย ให้มีความสามารถในการสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อรองรับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โดยเบื้องต้นจะมีประเด็นการพูดคุยใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. การจัดตั้งหน่วยงานความร่วมมือระหว่าง สจล. กับมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน ประเทศสหรัฐอเมริกา 2. การเปิดหลักสูตรร่วมกันซึ่งผู้เรียนจะได้ปริญญาเหมือนกับเรียนที่สหรัฐอเมริกา 3. การจัดทำโครงการวิจัยร่วมเพื่อตอบปัญหาของประเทศไทย และ 4. การแลกเปลี่ยนอาจารย์และนักวิจัยเพื่อพัฒนาทักษะให้ทัดเทียมนานาชาติ
"การจับมือระหว่าง สจล. สถาบันการศึกษาไทยที่มีชื่อเสียงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน ที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลกในครั้งนี้ นับเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของวงการอุดมศึกษาไทย โดยถือเป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยในประเทศไทยที่ได้รับเกียรติ จากมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ของโลกในการจัดตั้งหน่วยงานความร่วมมือในประเทศและเปิดหลักสูตรร่วมกัน ถือเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาทักษะความสามารถ ของอาจารย์ นักศึกษา และบุคลากรภาคเอกชน ให้ทัดเทียมนานาชาติ ซึ่งในภาพรวมนอกจากเป็นการผลักดันให้ประเทศไทย ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัยและนวัตกรรมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้ว ขณะเดียวกันยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ภาคเอกชนและบริษัทข้ามชาติ ให้มีความเชื่อมั่นในการเข้ามาสร้างฐานการลงทุนในประเทศไทยด้วย" อธิการบดี สจล. กล่าว
ศ.ดร.สุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า นอกจากการนี้จะมีการหารือและพูดคุยถึงทิศทางและผลประโยชน์ ที่จะเกิดขึ้นกับวงการศึกษาและภาคเศรษฐกิจของประเทศไทย หากมีการสนับสนุนให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ สามารถเข้ามาเปิดการเรียนการสอนในเขตเศรษฐกิจพิเศษได้สะดวกขึ้น ซึ่งในทางปฏิบัติถือเป็นการกระตุ้นให้เกิดการแข่งขัน และพัฒนาคุณภาพการศึกษาภายในประเทศอย่างเข้มข้น โดยในส่วนของ สจล. นั้น มองว่าขณะนี้ถือเป็นจังหวะอันดี ที่กระทรวงศึกษาธิการหยิบยกประเด็นดังกล่าวขึ้นมาเสนอต่อนายกรัฐมนตรี และยินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับเป็นต้นแบบให้แก่สถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศ ในการเดินหน้าสร้างความร่วมมือและพัฒนาหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เพราะเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วการเดินหน้าเพื่อพัฒนาการศึกษาไทยให้ทัดเทียมนานาชาติ ย่อมก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ในวันดังกล่าวภายหลังการเข้าพบนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล ในช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จะจัดงาน Dinner Talk เพื่อพูดคุยถึงแนวทางพัฒนาการศึกษาไทย ในด้านการวิจัยและนวัตกรรมก้าวกระโดดสู่ "ประเทศไทย 4.0" (A Leap Forward in Bridging Higher Education, Research and Innovation for Thailand 4.0) ณ โรงแรมเดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท โดยภายในงานจะมีการเจาะลึกรายละเอียดความร่วมมือและการเปิดหลักสูตรการศึกษาร่วม ระหว่าง สจล. กับ มหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน รวมถึงเปิดเวทีสนทนาแนวทางการพัฒนาการศึกษาไทย ผ่านงานวิจัยและนวัตกรรมสมัยใหม่ให้สอดรับกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งได้รับเกียรติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และผู้บริหารจากองค์เอกชนขนาดใหญ่ระดับโลก อาทิPTT, SCG, TURE, Thaibev ฯลฯ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนทัศนะ เพื่อผลักดันภารกิจดังกล่าวให้ประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน
นักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8111 หรือเข้าไปที่ www.kmitl.ac.th