เมนู 6-คอร์ส สนนราคาอยู่ที่ 2,900++ บาทต่อท่าน (สำหรับค่าอาหาร) หรือ 3,900++ บาทต่อท่าน รวมไวน์แพร์ริ่งจากเยอรมันที่คัดสรรเป็นอย่างดี เสิร์ฟคู่กับอาหารแต่ละคอร์ส
การจัดกิจกรรมอาหารมื้อพิเศษในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ 'ประสบการณ์ไฟน์ไดน์นิ่งกับการมาเยือนของเชฟระดับโลก' สร้างสรรค์โดยซานเปลเลกรีโน เพื่อเปิดประสบการณ์ ไฟน์ ไดน์นิ่ง ด้วยผลิตภัณฑ์น้ำแร่คุณภาพที่จะช่วยเพิ่มความสุนทรีย์ให้กับต่อมรับรสของคุณ และนำเชฟชื่อดังจากภัตตาคารชั้นนำทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยมาเพื่อเปิดประสบการณ์ชั้นยอดให้แก่เหล่านักชิมชาวไทย
ชื่อ PRU มีที่มาจากหลักปรัชญา 3 ข้อที่ใช้ในการบริหารฟาร์มของห้องอาหารเอง คือ Plant, Raise & Understand (พืชพันธุ์ การเลี้ยงดู และความเข้าอกเข้าใจ) ซึ่งทีมงานจะปลูกพืชผักสวนครัว สมุนไพรและผลไม้ เพาะเห็ด และเลี้ยงสัตว์ในฟาร์มเอง นอกจากนี้ทีมงานยังทำเนยเอง ผลิตจานจากเศษไม้ และรีไซเคิลเศษอาหาร
ซูห์ริ่ง (Sühring) ก่อตั้งโดยเชฟฝาแฝดชาวเยอรมัน โทมัส (Thomas) และ มาเทียส (Mathias) ซูห์ริ่ง ทั้งคู่มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นเชฟตั้งแต่เด็ก โดยแรงบันดาลใจนั้นเกิดขึ้นในตอนที่พวกเขาได้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมอยู่ที่ฟาร์มของคุณตาคุณยาย ทำให้พวกเขาเริ่มสนใจเทคนิคการหมัก การดอง การรมควัน การอบแห้ง และการบ่ม ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของประเทศเยอรมัน
โทมัส และ มาเทียส มีประสบการณ์การทำงานในภัตตาคารระดับมิชลินสตาร์ในยุโรป ก่อนที่จะย้ายมาประเทศไทยและเปิดร้าน Sühring ที่กรุงเทพฯ แขวงช่องนนทรี ในปี 2559 และเพียงเปิดตัวได้ไม่นาน Sühring ก็ได้รับรางวันอันทรงเกียรติมากมาย รวมถึงการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 13 ของ Asia's Best Restaurant ในปี 2560 อีกด้วย
ที่ Sühring สองพี่น้องตั้งใจนำเสนออาหารเยอรมันแบบร่วมสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความทรงจำวัยเด็กและสูตรต้นตำรับของครอบครัว ซึ่งพวกเขายังคงความดั้งเดิมไว้และผสมผสานสไตล์ยุโรปร่วมสมัยลงไปด้วยอย่างลงตัว
ตัวอาคารนั้นเป็นทั้งบ้านพักอาศัย และห้องอาหารโดยใช้บริเวณห้องโถง ตกแต่งโดยใช้กระจกใสทำให้มองเห็นวิวสวน และยังมีบริเวณครัวเปิดซึ่งคุณสามารถมองเห็นเชฟแฝดง่วนอยู่กับการปรุงอาหาร
มื้ออาหารพิเศษที่ PRU เริ่มต้นด้วยเมนูอาหารที่ใช้มือรับประทาน และอาหารสตรีทฟู้ดแห่งเมืองเบอร์ลินให้เลือกชิม ก่อนที่จะเสิร์ฟ
ปลาเทราท์ที่หมักเป็นเวลา 24 ชั่วโมงเป็นอาหารทานเล่น ตามด้วยเมนูที่สองพี่น้องให้ชื่อว่า Brotzeit Picnic โดยอาหารทานเล่นทั้งสองคอร์สนั้นจะเสิร์ฟคู่กับ Weisburgunder Juwel ปี 2559 จาก Juliane Eller และ Welschriesling Freyheit ปี 2558 จาก Heinrich
เมนูถัดไปคืออาหารท้องถิ่นของเยอรมันที่มีชื่อว่า Leipziger Allerlei ซึ่งเล่ากันว่าได้มีการคิดค้นเมนูนี้ขึ้นที่เมือง Leipzig หลังสงคราม นโปเลียน โดยมีส่วนผสมหลักคือ ถั่ว แครอท หน่อไม้ฝรั่ง เห็ดมอเรล และ เครย์ฟิช หรือล็อบสเตอร์น้ำจืดซึ่งเชฟแฝดนำมาจากเชียงใหม่ คอร์สนี้จับคู่กับ Rielsing Spatlese Trocken ปี 2557 จาก Koehler-Ruprecht ต่อด้วยเมนูบะหมี่ไข่กับเห็ดทรัฟเฟิล (soft egg noodles sprinkled with summer truffle) เสิร์ฟพร้อมกับ Rielsing Gaisberg ปี 2559จาก Stagard
ในส่วนของอาหารจานหลักคือ เป็ดฮังกาเรียนที่บ่มเป็นเวลา 7 วัน รับประทานคู่กับหัวหอมตุ๋นและเห็ดชิทาเกะรมควัน (Hungarian duck, aged for seven days and served with braised onion and smoked shitake) คอร์สนี้จะเสิร์ฟพร้อมกับ Pinot Noir ปี 2557 จาก Fritz Wieninger ของหวานคือ รูบาร์บและซอร์เรล แอปเฟลสตรูเดล เสิร์ฟพร้อมกับ Beerenauslese Cuvee ปี 2555 จาก Kracher
อาหารมื้อพิเศษนี้มีเพียง 2 วันเท่านั้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ที่ email : [email protected], หรือ โทร 076 310 100
ซานเปลเลกรีโนจัดกิจกรรม 'ประสบการณ์ไฟน์ไดน์นิ่งกับการมาเยือนของเชฟระดับโลก' เพื่อนำเชฟระดับโลกจากภัตตาคารชั้นนำมาเปิดประสบการณ์ไฟน์ไดน์นิ่งชั้นยอดให้แก่นักชิมชาวไทย ซานเปลเลกรีโนมุ่งมั่นส่งเสริมวัฒนธรรมไฟน์ไดน์นิ่งผ่านกิจกรรมไฟน์ไดน์นิ่งในรูปแบบต่างๆ ผ่านการจัดกิจกรรมมื้ออาหารระดับท็อปคลาส และนิตยสาร Finedininglovers.com แหล่งข้อมูลข่าวสารออนไลน์สนับสนุนโดย ซานเปลเลกรีโน และ อัคควา ปันนา เพื่อเข้าถึงชุมชนคนรักอาหารและผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมไฟน์ไดน์นิ่ง อันเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับแบรนด์โดยตรง
ผู้ที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับเทรนด์ด้านอาหารและไวน์ เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับการกินการดื่ม และวิดีโอต่างๆ จากทั่วโลกสามารถค้นหาข้อมูลได้ที่ www.finedininglovers.com นิตยสารออนไลน์ที่สนับสนุนโดยซานเปลเลกรีโน และอัคควา ปันนา