บริษัท ไฟเบอร์วัน จำกัด (มหาชน) เผยทิศทางการดำเนินงาน ตั้งเป้าหมายฐานผู้ใช้งาน 1 ล้านยูนิต สยายปีกสู่ 4 หัวเมืองใหญ่ พร้อมเตรียมตัวเปิดตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV
นายกิตติ โกสินสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไฟเบอร์วัน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "จากข้อมูลจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย เมื่อสิ้นปี 2559 ที่ผ่านมา มีผู้ใช้งาน 38 ล้านคน ในขณะที่ฐานลูกค้าของไฟเบอร์วันในปัจจุบันได้ติดตั้งและใช้งานแล้วประมาณ 80,000 ยูนิต แปลว่า ไฟเบอร์วันมีโอกาสเติบโตสูงมาก และปีนี้เราตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1 ล้านยูนิต ด้วยบิสิเนสโมเดล Sharing and Caring แบ่งปันและใส่ใจ ซึ่งเป็นบิสิเนสโมเดลที่แตกต่างจากผู้ให้บริการรายอื่นในตลาด เพราะไฟเบอร์วันเป็นผู้ให้บริการวางโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติกโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย แต่ใช้วิธีแบ่งรายได้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หรือผู้ให้บริการดิจิทัลคอนเท้นท์ ซึ่งทุกฝ่ายได้ประโยชน์ โดยเฉพาะผู้ใช้งานปลายทางซึ่งไม่ต้องเสียค่าติดตั้งเดินสายไฟเบอร์ออฟติก ที่ปัจจุบันยังมีราคาค่อนข้างสูง"
ทั้งนี้ ไฟเบอร์วัน ได้ขยายฐานลูกค้าโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติกไปยังหัวเมืองใหญ่แล้ว 4 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงใหม่ ภูเก็ต อุบลราชธานี และอุดรธานี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจและมีความต้องการโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติก โดยร่วมมือกับกลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายต่างๆ รวมถึงมีแผนขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน CLMV คือ เวียดนาม พม่า เขมร และลาว
ในเชิงแนวโน้มเทคโนโลยีโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติกหรือโครงข่ายใยแก้วนำแสงจะเข้ามาแทนที่สายทองแดงที่ใช้กันอยู่อย่างแน่นอน จากข้อดีหลายอย่าง เช่น ให้ความเร็วสูงสุดถึง 100 กิกะบิตต่อวินาที สามารถรองรับบริการดิจิทัลแอพพลิเคชัน หรือดิจิทัลเซอร์วิสในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างไม่มีขีดจำกัด โครงข่ายมีเสถียรภาพและประสิทธิภาพการส่งสัญญาณดีกว่า และโครงข่ายมีอายุการใช้งานยาวนาน 30-50 ปี
นายกิตติ กล่าวเสริมว่า "ในยุคของอินเทอร์เน็ตออฟธิงส์ ซึ่งดีไวซ์ต่างๆ สามารถเชื่อมต่อเข้าอินเทอร์เน็ตได้ จะทำให้เกิดดิจิทัลเซอร์วิสรูปแบบใหม่ๆ ตามมา เช่น สมาร์ทโฮม ที่เราสามารถดูกล้องวงจรปิดภายในบ้านผ่านมือถือเพื่อดูความเรียบร้อยภายในบ้าน สมาร์ทเฮลท์แคร์ ที่คุณหมอสามารถอ่านผลเอ๊กซเรย์คนไข้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตภายในโรงพยาบาลแม้จะอยู่คนละจังหวัด สมาร์ทซิตี้ ที่หน่วยงานให้บริการสาธารณูปโภคเช่น ไฟฟ้า น้ำประปา จะติดตั้งสมาร์ทมิเตอร์และสามารถส่งค่าตัวเลขใช้ไฟ ใช้น้ำ กลับมายังศูนย์กลาง ในอนาคตเราจะไม่ต้องมีคนมาจดเลขมิเตอร์อีกต่อไป ดิจิทัลเซอร์วิสเหล่านี้ ล้วนต้องอาศัยโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติกความเร็วสูง"
ขยายฐานทั้งในประเทศและต่างประเทศ
นายสมมาศเสถียร เลิศวัฒนกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด กล่าวว่า "จากช่วงสามปีที่ผ่านมาที่ทางไฟเบอร์วันได้ติดตั้งโครงข่ายในกรุงเทพและปริมณฑล และได้ขยายฐานลูกค้าสู่หัวเมืองใหญ่ 4 จังหวัด ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เช่น โครงการบ้านจัดสรร และคอนโด ซึ่งในครึ่งปีแรกเราได้ร่วมมือกับเจริญเคเบิลทีวีในการให้บริการ FiberTV และในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ไฟเบอร์วันจะมีความร่วมมือกับสัมพันธกิจต่างๆ มากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมมือกับโรงพยาบาลในการให้บริการ E-Medical การขยายการให้บริการกับลูกค้าองค์กรในนิคมอุตสาหกรรม ,อาคารสำนักงาน และส่วนงานภาครัฐ เป็นต้น รวมถึงการนำส่วนของระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากในยุคดิจิทัล ไซเบอร์ซิเคียวริตี้ เข้ามาเสริมบริการให้กับลูกค้าของเราในทุกกลุ่ม"
แคมเปญโรคเน็ตเนือย
ทั้งนี้ เพื่อสร้างการรับรู้เรื่องแบรนด์ของไฟเบอร์วัน ซึ่งเพิ่งเข้ามาทำตลาดได้เพียง 3 ปี ทางไฟเบอร์วัน จึงเตรียมออกแคมเปญโรคเน็ตเนือย ตอบรับยุคของดิจิทัลที่พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป การดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ในยุคดิจิทัล ความเร็วในการดาวน์โหลด หรืออัพโหลดไฟล์ต่างๆ เป็นเรื่องที่สำคัญมาก แอพพลิเคชั่นต่างๆ ต้องการแบนด์วิธขนาดใหญ่ในการรับส่ง เช่น การส่งไฟล์กราฟิกงานพรินต์ติ้ง เรียนผ่านระบบออนไลน์ ดูหนัง ฟังเพลง ไฟล์มัลติมีเดีย เกมส์ หรือแม้แต่ผู้สูงอายุในปัจจุบันก็เป็นอีกกลุ่มที่ใช้งานดิจิทัล เช่น ดาวน์โหลดบทสวดมนต์ และอื่นๆ อีกมากมาย ผู้ใช้งานจำนวนมากต้องการโครงข่ายความเร็วสูง หากใครกำลังรู้สึกหงุดหงิดกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตแคมเปญนี้น่าจะโดนใจผู้บริโภค
โดยจะขึ้นบิลบอร์ดแคมเปญโรคเน็ตเนือยในวันนี้ 25 พฤษภาคม 2560 ตามทางด่วน 6 จุดสำคัญ คือ ทางด่วนคลองเตย มอเตอร์เวย์ อนุสาวรีย์ พระราม 9 หลักสี่ และสาธร รวมถึงการทำออนไลน์มาร์เก็ตติ้งในรูปแบบต่างๆ
ปัจจุบัน ไฟเบอร์วัน มีทีมงานคอลเซ็นเตอร์ในการรับแจ้งปัญหา หรือขอใช้บริการ ที่หมายเลข 1262 และมีทีมงานวิศวกรติดตั้งโครงข่ายไฟเบอร์ออฟติกมากกว่า 130 ทีมให้บริการทั่วประเทศ