นับเป็นการพัฒนาขึ้นอีกก้าวหนึ่ง ที่รพ.เด็กสมิติเวช ได้ก่อตั้งศูนย์การผ่าตัดเด็ก Newborn and Pediatric Surgery Center ที่ถือว่าครบวงจรที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังมุ่งมั่นที่จะเป็นศูนย์การรับส่งรวมถึงให้การรักษาผ่าตัดผู้ป่วยทารกและเด็กในภาวะวิกฤตของภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก มีลูกค้าต่างชาติประมาณ 50% ที่บินมาผ่าตัดกับเรา ที่ศูนย์แห่งนี้ประกอบด้วย ทีมกุมารศัลยแพทย์เฉพาะทางทุกด้านของการผ่าตัดในทารกและเด็กกว่า 20 คน และสามารถทำหัตถการผ่าตัดได้ตั้งแต่ทารกแรกเกิดรวมถึงทารกคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตั้งแต่ 500 กรัม โดยศูนย์ดังกล่าวมี Facility ที่โดดเด่น แยกเด็กที่ต้องได้รับการผ่าตัดออกมาโดยเฉพาะ มีแผนกผู้ป่วยนอกสำหรับศัลยกรรมเด็ก และวอร์ดผู้ป่วยในสำหรับการพักฟื้นเด็กหลังการผ่าตัด และที่พิเศษสุดที่ทีมกุมารศัลยแพทย์ของเราทำได้ คือ การนำเทคโนโลยีผ่าตัดแผลเล็กในเด็ก (Pediatric Minimally Invasive Surgery) โดยผ่าตัดผ่านการส่องกล้อง (Laparoscopic) โดยการเจาะอุปกรณ์ส่องกล้องเข้าไปผ่าตัดผ่านผนังหน้าท้อง ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเล็กที่สุดขนาด 2 มิลลิเมตร ทำให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก สามารถลดการบาดเจ็บหลังผ่าตัด กระชับระยะเวลาในการพักฟื้นให้เร็วขึ้นกว่าเดิม 1 – 2 วัน รวมถึงยังช่วยลดอัตราการติดเชื้อจากบาดแผลผ่าตัดได้อีกถึงเท่าตัวต่างจากการเปิดแผลผ่าตัดใหญ่อย่างสิ้นเชิง โดยโรคที่สามารถทำการผ่าตัดแบบแผลขนาดเล็กได้ อาทิ ผ่าตัดไส้ติ่ง ผ่าตัดม้าม ผ่าตัดลำไส้ ผ่าตัดนิ่วในถุงน้ำดี ผ่าตัดอัณฑะ ผ่าตัดไส้เลื่อน ผ่าตัดเนื้องอก ผ่าตัดส่องกล้องเพื่อวินิจฉัยโรค เป็นต้น
สำหรับทีมกุมารศัลยแพทย์ ซึ่งนำโดย พญ.ลั่นทม ตันวิเชียร กุมารศัลยแพทย์ระดับแนวหน้าของเมืองไทยและหัวหน้าศูนย์ผ่าตัดทารกและเด็กรพ.เด็กสมิติเวชนั้น เรียกได้ว่าสร้างความเชื่อมั่นให้กับพ่อแม่ได้อุ่นใจแน่นอน พร้อมด้วยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดทารกและเด็กครบทุกสาขา อาทิ ผ่าตัดสมอง หัวใจ ปอดและทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ ทางเดินอาหาร กระดูกสันหลังคดในเด็ก ที่เรียกได้ว่าตั้งแต่หัวจรดเท้า อีกทั้งยังมีความเชี่ยวชาญของแพทย์และทีมที่ดูแลการผ่าตัดผ่านกล้อง Laparoscopic Surgery หรือเรียกว่าผ่าตัดแผลเล็กโดยเฉพาะ อย่าง พญ.วรรณนิสา ภู่เจริญ พญ.สุพัตรา ชารีแก้ว พญ.อรพิชญ์ ขยันกิจ ทีมกุมารแพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการผ่าตัดรักษาดูแลผู้ป่วยทารกและเด็กจากทั่วประเทศมาแล้ว
นวัตกรรมการผ่าตัดแบบส่องกล้องในเด็กมีความโดดเด่นมาก เหมาะสมในการรักษาผู้ป่วยเด็กรวมถึงทารก เพราะกุมารศัลยแพทย์สามารถมองเห็นพยาธิสภาพหรืออาการที่ลึกอยู่ได้ชัดเจนขึ้นจากการส่องกล้องขนาดเล็กเข้าไป และสามารถตัดพยาธิสภาพที่พบออกได้ทันทีด้วยเครื่องมือขนาดเล็ก