ดร.มุมตาส มีระมาน อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฎสงขลา (มรภ.สงขลา) วิทยาเขตสตูล ผู้เสนอโครงการอบรมการปรับตัวของเกษตรกรเพื่อรองรับการจัดการทรัพยากรที่ดินอย่างยั่งยืน ภายใต้นโยบาย Thailand 4.0 และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เปิดเผยถึงที่มาของการจัดอบรมเมื่อเร็วๆ นี้ว่า การใช้ที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมในพื้นที่ จ.สตูล กำลังอยู่ในสภาวะความกดดัน ซึ่งจากเวทีระดมความคิดเห็นพบว่าพื้นที่เกษตรกรรมยังขาดการจัดการที่ดินด้านเกษตรกรรมที่เหมาะสม และชุมชนยังไม่มีแนวทางหรือทางเลือกในการใช้ที่ดินที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนได้ ประกอบกับปัญหาเรื่องราคายางพาราและปาล์มน้ำมันที่กระทบมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งผลกระทบด้านการแข่งขันในอนาคตที่คาดว่าจะเกิดหลังการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้น เพื่อรองรับความต้องการของชุมชนที่จะปรับตัวด้านเกษตรกรรม และความต้องการยุทธศาสตร์การใช้ที่ดินอย่างยั่งยืน จึงจำเป็นต้องจัดอบรมเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง อาทิ สภาเกษตรกรจังหวัด เกษตรกรในพื้นที่ รวมถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้เข้าใจถึงวิธีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ ภายใต้การเข้าใจบริบทพื้นที่ผ่านกระบวนการด้านแผนที่และการวิเคราะห์ข้อมูลที่สำคัญ ซึ่งเป็นรากฐานของการจัดการทรัพยากรที่ดินอย่างยั่งยืน และเพื่อการปรับตัวหลังการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ทั้งยังเป็นแนวทางสำคัญในการปรับตัวตามนโยบาย Thailand 4.0
ดร.มุมตาส กล่าวว่า การเสื่อมโทรมของทรัพยากรที่ดินที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน มาจากการไม่สามารถหรือขาดการจัดการที่เหมาะสม วงจรการเสื่อมโทรมของทรัพยากรที่ดินยังคงอยู่เป็นวัฏจักรและมีการขยายการเสื่อมโทรมมากขึ้น หากต้องการเปลี่ยนแปลงการจัดการทรัพยากรที่ดินเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน ควรมุ่งเน้นการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผ่านการมีส่วนร่วมและเพิ่มต้นทุนทางสังคม กุญแจสำคัญในการทำลายวงจรการเสื่อมโทรมของทรัพยากรที่ดินคือการให้ผู้ใช้ที่ดิน (Land User) มีบทบาทในด้านการตัดสินใจร่วมกับหน่วยงานหรือสถาบันที่เกี่ยวข้อง และมีส่วนต่อการรับรู้ข้อมูลสารสนเทศต่างๆ ในการจัดการทรัพยากรที่ดิน ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันจัดเป็นงานที่ท้าทายและดำเนินการได้ยาก โดยประเด็นที่สำคัญเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการเป็นอันดับแรก คือ การจัดการทรัพยากรที่ดินในเขตชนบท ซึ่งจัดว่ายังอยู่ในสถานะเสี่ยงและด้อยโอกาส การส่งเสริมต้นทุนด้านสังคม (การศึกษา สถาบัน องค์กร และเครือข่ายด้านสังคม) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการตัดสินใจ ให้อำนาจการตัดสินใจแก่บุคคลระดับล่าง ให้บทบาทความสำคัญกับผู้ได้รับผลกระทบ ผู้ใช้ที่ดิน กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในขณะเดียวกันมีความถูกต้องตามกระบวนการ สอดคล้องกับนโยบายและเป็นวิถีทางหรือแนวทางที่สามารถทำลายวงจรการเสื่อมโทรมของที่ดินได้