จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นกับบริษัทIFEC ในช่วงที่ผ่านมาส่อแววสร้างความเสียหายให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อยเป็นทวีคูณ โดยเฉพาะกรณีที่ไม่สามารถส่งงบการเงินในปี 2559 ต่อเนื่องจนถึงไตรมาสแรกของปี 2560 ตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำหนด จนเป็นที่มาของการขึ้นเครื่องหมายห้ามการซื้อขาย (SP) ยาวมาจนถึงปัจจุบัน
ความเคลื่อนไหวล่าสุด เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยและเจ้าหนี้ ได้ร่วมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากพบปัญหาความไม่ถูกต้องหลายประการที่สร้างความเสียหายให้กับบริษัทได้ดังนี้
1. ไม่ปิดงบบัญชีและไม่มีความกระตือรือร้นที่จะปิดงบบัญชี 2.ไม่เปิดเผยข้อมูลทางบัญชีและการเงิน ไม่เคยชี้แจงเรื่องภาระหนี้สินและสัญญาผูกพันต่างๆที่กรรมการกระทำในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา 3. จงใจบริหารงานให้บริษัทเสียหาย เรื่องเอาหุ้นไอเคป 2,000ล้านไปจำนำค้ำประกันหนี้บีอี 100 ล้าน และเรื่องกู้เงิน ECF รวมทั้งผิดนัดชำระหนี้ให้เจ้าหนี้รวมเป็นเงินกว่า 3,000 ล้านบาท และไม่ชำระดอกเบี้ยให้ผู้ถือหุ้นกู้ โดยไม่มีคำอธิบายชี้แจงสาเหตุการไม่สามารถชำระหนี้จากคณะกรรมการของบริษัทแต่อย่างใดทำให้บริษัทถูกเจ้าหนี้ฟ้องร้องหลายคดี 4.กระทำการโดยไม่มีอำนาจ ไล่พนักงานออกจำนวนมากอย่างไม่เป็นธรรม 5. การฟ้องคดีตามอำเภอใจโดยไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่บริษัทจะถูกฟ้องกลับ6. นำชายแต่งกายคล้ายทหารและตำรวจเข้าคุมโรงแรมดาราเทวีอันเป็นทรัพย์สินหลักของIFEC และเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในประเทศไทยของ Trip Adviser 4 ปีติดต่อกัน ซึ่งต้องการมาตรฐานการบริหารของมืออาชีพระดับโลกเพื่อภาพพจน์ที่ดีของโรงแรม ผู้ถือหุ้นเกรงว่าเหตุการณ์จะซ้ำรอยกับการนำชายชุดดำเข้ายึดIFEC สร้างอาณาจักรแห่งความกลัวขึ้นและจะมีการไล่พนักงานโรงแรมออกเป็นจำนวนมากโดยไม่ทำตามกฎหมายแรงงาน 7. ล่าสุดยังพบปัญหาที่บริษัทโกลบอลวันเจ้าหนี้โรงแรมดาราเทวีแถลงเรื่องการร้องขอให้สภาวิชาชีพบัญชีกำชับให้ผู้สอบบัญชีของดาราเทวีและไอเฟคสอบบัญชีตามมาตรฐานวิชาชีพ ผู้ถือหุ้นเกรงว่าจะมีความพยายามถ่วงเวลาการส่งงบบัญชีโดยโยนความผิดไปยังบุคคลที่3
ปัญหาที่กล่าวมาสะท้อนถึงการบริหารงานที่ขาดประสิทธิภาพ ไม่โปร่งใส และขาดธรรมาภิบาล กลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยเจ้าหนี้ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไอเฟค จึงมีความเห็นร่วมกันข้อร้องให้กรรมการบริหารไอเฟคทุกคนลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบและคืนอำนาจให้ผู้ถือหุ้น จะได้สรรหากรรมการใหม่ที่มีธรรมาภิบาลเข้าแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นขณะนี้
นางนพวรรณ ขลันบุรีธรรม หนึ่งในกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่ได้รับความเสียหายจากการลงทุนใน IFEC เปิดเผยว่ารู้สึกผิดหวังกับการบริหารงานที่ผ่าน ซึ่งตนขาดทุนกว่า 7 แสนบาท เป็นเงินที่หามาทั้งชีวิต เพื่อเตรียมไว้ใช้สำหรับวัยเกษียณ และหวังว่ากรรมการชุดปัจจุบันจะมองประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลักลาออกแสดงความรับผิดชอบ และคืนอำนาจให้กับผู้ถือหุ้นต่อไป