สถาบันไอเอ็มซีระดม 17 กูรูจัดสัมนา Blockchain แห่งปี กระตุ้นองค์กรไทยตามทันก่อนโลกเปลี่ยนแรงภายใน 2-3 ปีนี้

พุธ ๓๑ พฤษภาคม ๒๐๑๗ ๑๔:๕๑
- ผลการสำรวจทักษะบุคลากรด้านไอทีไทย พบ 40% เข้าใจและเริ่มใช้เทคโนโลยี BigData โดยราว 56% ระบุว่าเคยใช้เทคโนโลยีคลาวด์

- ตัวเลขการใช้เทคโนโลยี Cloud และ Big Data ของบุคลากรไอทีไทยที่มีมากขึ้น สวนทางกับ Blockchain ที่ยังมีสถิติต่ำ

- วิทยากรทั้ง 17 คนที่ถูกเชิญมางานสัมนานี้จะบอกเล่าประเด็นจากประสบการณ์ตรงเรื่อง Blockchain หัวข้อครบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงข้อบังคับ และกฏหมายที่ต้องเตรียมปรับเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง

- ในตลาดโลก การสำรวจพบว่า 15% ของธนาคารใหญ่ระดับโลกกำลังมีแผนประยุกต์ใช้ Blockchain เต็มรูปแบบในปีนี้ โดยอัตราการนำ Blockchain ไปใช้ (adoption rate) เชื่อว่าจะเพิ่มจำนวนเป็น 65% ใน 3 ปี ส่งให้มูลค่าตลาด Blockchain ทั่วโลกคาดว่าจะขยายตัวจาก 210 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2016 มาเป็น 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2021

สถาบันไอเอ็มซีเผยผลสำรวจทักษะบุคลากรด้านไอทีในประเทศไทย พบอัตราการใช้เทคโนโลยีCloud และ Big Data ในองค์กรไทยเพิ่มสูงขึ้นชัดเจน แต่สถิติการตอบรับ Cloud และ Big Data ที่สูงขึ้นสวนทางกับเทคโนโลยีใหม่อย่าง Blockchain ที่อยู่ในระดับต่ำมาก สะท้อนว่าบุคลากรไทยยังต้องได้รับการผลักดันต่อเนื่องเรื่อง Blockchain เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแข็งแกร่ง

ดร.ธนชาติ นุ่มนนท์ ผู้อำนวยการ สถาบันไอเอ็มซี อธิบายว่า Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่องค์กรไทยควรตระหนักและนำไปใช้ เพราะ Blockchain นั้นสามารถประยุกต์ใช้งานได้หลากหลาย ไม่เพียงการโอนเงินที่ปลอดภัยและรวดเร็ว แต่ยังลดโอกาสที่ไวรัสหรือมัลแวร์จะทำลายข้อมูลในคอมพิวเตอร์ด้วย

"Blockchain เป็นเทคโนโลยีที่ทุกคนให้ความสนใจ เพราะถูกมองว่าจะเหมือนกับอินเทอร์เน็ตที่เข้ามาเปลี่ยนโลกทั้งใบ อย่างมัลแวร์WannaCry ถ้ามี Blockchain ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะข้อมูลถูกจัดเก็บหลายที่"

สำหรับ Blockchain นั้นเป็นเทคโนโลยีการเก็บข้อมูลแบบกระจายหลายที่จนทำให้เกิดความปลอดภัยสูง จุดเด่นนี้ทำให้เทคโนโลยีBlockchain มีแผนถูกนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง

จุดเด่นของ Blockchain ยังอยู่ที่การตรวจสอบความเคลื่อนไหว ซึ่งจะทำให้องค์กรรับรู้ข้อมูลที่มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างโปร่งใส ทำให้ Blockchain ไม่ได้เหมาะกับเพียงระบบโอนเงินเท่านั้น แต่สามารถนำมาใช้ได้กับทุกระบบที่ต้องการเก็บข้อมูล ทั้งรูปแบบจำกัดเฉพาะคนในองค์กร (Private) และแบบเปิดกว้างต่อสาธารณชน (Public)

ทั้งหมดนี้ทำให้ไม่น่าแปลกใจ เมื่อการสำรวจปี 2016 ของ IBM พบว่า 15% ของธนาคารใหญ่ระดับโลก กำลังมีแผนประยุกต์Blockchain เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเต็มรูปแบบในปีนี้ (2017) ก่อนที่ตัวเลขนี้จะขยับเพิ่มเป็น 65% ในอีก 3 ปีหรือปี 2019[1]

"สถาบันไอเอ็มซีจึงจัดอบรมสำหรับทั้งนักพัฒนาและผู้บริหาร เราต้องการให้หลายส่วนได้เรียนรู้ที่มาที่ไป เราเชิญวิทยากร 17 คนซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เคยสัมผัส Blockchain มาแล้วและพบประเด็นจากประสบการณ์ตรง หัวข้อของเราครบทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ รวมถึงข้อบังคับ และกฏหมายที่ต้องเตรียมปรับเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลง" ดร.ธนชาติระบุ "หลายอุตสาหกรรมยังไม่ทราบว่าBlockchain จะส่งผลกระทบอย่างไร ต้องติดตั้งระบบอื่นหรือไม่ และต้องเตรียมตัวอย่างไร"

ดร.ธนชาติ ยกตัวอย่างว่าในอนาคต ฐานข้อมูลทะเบียนรถยนต์ก็อาจนำมาประยุกต์ใช้กับ Blockchain เพื่อให้ทุกคนได้เห็นการทำธุรกรรมที่โปร่งใสขึ้น เช่นที่รัฐบาลเอสโทเนียเริ่มนำ Blockchain มาเพิ่มความยืดหยุ่นในการให้บริการประชาชนได้ชัดเจนแล้ว

"อุตสาหกรรมการเงินเริ่มเห็นแล้ว ธนาคารเริ่มจะนำ Blockchain มาใช้กับระบบเก็บสัญญา โรงงานที่ส่งออกสินค้าไปอียูที่อยากพิสูจน์ตัวเองว่าดำเนินการถูกต้องตามหลักเกณฑ์ Blockchain ก็สามารถช่วยได้ ผมคิดว่า 2-3 ปีข้างหน้า เราจะเห็น Blockchain ในอุตสาหกรรมต่างๆมากขึ้น การแพทย์ก็จะเห็น ทั้งหมดเราจะพูดในงานสัมนานี้ โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวในเมืองไทย"

ในภาพรวม มูลค่าตลาดบริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Blockchain ทั่วโลกคาดว่าจะขยายตัวจาก 210 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2016มาเป็น 2.3 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2021 โดยเม็ดเงินบางส่วนจะหมุนวนในกลุ่มผู้ให้บริการโซลูชันและโครงข่ายเป็นหลัก[2]

สำหรับประเทศไทย ดร.ธนชาติ เชื่อว่าการลงทุนเรื่องเทคโนโลยี Blockchain ควรจะเริ่มที่การพัฒนาบุคลากร ซึ่งจะทำให้องค์กรไทยมีความพร้อมเพิ่มขีดความสามารถสู่ระดับโลก

"องค์กรไทยต้องลงทุนเรื่องคน ให้มีความเข้าใจ การเติบโตเรื่องอื่นจะตามมาทีหลัง คนต้องเข้าใจก่อนว่า Blockchain เข้ามาใช้ทำอะไรได้บ้าง แล้วก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง"

สำรวจพบคนไทยพร้อม BigData มากขึ้น

ในขณะที่ Blockchain ยังเป็นเรื่องใหม่ของบุคลากรไอทีไทย การสำรวจล่าสุดของสถาบันไอเอ็มซีพบว่าคนไอทีไทยมีความพร้อมด้านเทคโนโลยีอย่าง BigData มากขึ้น สถิตินี้สะท้อนว่าสถาบันไอเอ็มซีช่วยประตุ้นตลาดขึ้นมาได้ส่วนหนึ่ง

"เราสุ่มตัวอย่างกลุ่มตัวอย่างมากกว่า 250 ราย พบว่าบุคลากรไอทีไทยมีความสนใจเรื่อง BigData มากขึ้น แต่เทคโนโลยีใหม่ เราก็ยังต้องพัฒนาต่อไป"

การสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างเกิน 40% เข้าใจและเริ่มใช้เทคโนโลยี BigData โดยราว 56% ระบุว่าเคยใช้เทคโนโลยี Cloud Computing บุคลากรกลุ่มนี้ราว 40% บอกว่าเคยใช้งาน Apache Hadoop และ 30% เคยใช้งาน NoSQL

สรุปแล้ว ผลการวิจัยนี้สะท้อนว่าบุคลากรไอทีไทยมีประสบการณ์การใช้เทคโนโลยี Cloud Computing และ Big Data ดีขึ้นมาก โดยภาษา Java และ PHP ยังเป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุด แต่เมื่อพิจารณาถึงเทคโนโลยีใหม่อย่าง Spark, Microservices, Container หรือDevOp ที่เริ่มใช้งานแพร่หลายในต่างประเทศ บุคลากรไอทีไทยยังไม่มีประสบการณ์มากนัก จึงควรที่จะต้องเร่งพัฒนาบุคลากรในด้านนี้ รวมถึงเรายังขาดประกาศนียบัตรระดับสากลที่จะทำให้บุคลากรไอทีไทยเป็นที่ยอมรับมากขึ้นด้วย

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version