นายพูลพิพัฒน์ ตันธนสิน ประเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือQTC ผู้ผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้า เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2560 ได้มีมติให้ บริษัท คิวทีซี โกลบอลเพาเวอร์ จำกัด (QTCGP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น 99.99% เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในเมืองมินบู สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ขนาดกำลัง การผลิตไฟฟ้าติดตั้งรวม 220 เมกะวัตต์ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 170 เมกะวัตต์
โดย QTCGP ในฐานะผู้ซื้อจะเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้นของ บริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด (GEP Thailand) จำนวน 38,634หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ100 บาทต่อหุ้น มูลค่าประมาณ 267.09 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว รวมทั้งหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ จะจองซื้อตามสัดส่วนการถือหุ้น มูลค่าประมาณ 497.12 ล้านบาท เมื่อมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนในอนาคตจนกว่าโครงการจะก่อสร้างแล้วเสร็จ และการให้Cash DeficiencySupport (CDS) ตามสัดส่วนการถือหุ้นโดยภายใต้สัญญาซื้อขายหุ้น QTCGP มีภาระผูกผันต่อผู้ปล่อยเงินกู้ให้แก่โครงการฯ ในการให้ CDS ตามสัดส่วนการถือหุ้นแต่ไม่เกิน 4.158 ล้านเหรียญสหรัฐหรือเทียบเท่าประมาณไม่เกิน 143.75 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าสินทรัพย์ที่จะได้มาทั้งหมดประมาณ 907.96 ล้านบาท จากการซื้อหุ้นของบริษัทดังกล่าวจาก Noble Planet Pte. Ltd. และ Planet Energy Holdings Pte. Ltd.
บริษัท พลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) จำกัด (GEP Thailand) ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยปัจจุบัน GEP Thailand เป็นผู้ถือหุ้น 99.99% และเป็นผู้ได้รับสัมปทานในรูปแบบ Build-Operate-Transfer (BOT) ในการพัฒนาและดำเนินโครงการฯ และเป็นผู้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement หรือ สัญญา PPA) กับ Electric Power Generation Enterprise (EPGE)ระยะเวลารวมทั้งสิ้น 30 ปี นับจากวันที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ของกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 170 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็น 4 ระยะโดยโครงการระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และระยะที่ 3 มีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญาโครงการแต่ละระยะจำนวน 40 เมกะวัตต์ และโครงการระยะที่ 4 มีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 50 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าโครงการระยะที่ 1 จะก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาสที่1/2561
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) กล่าวเพิ่มว่า การลงทุนในธุรกิจพลังงานของบริษัทฯนั้น เป็นไปตามนโยบายที่ต้องการขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างมั่นคง และเพิ่มความมั่นคงของรายได้ อีกทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงจากการพึ่งพารายได้จากการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้การลงทุนดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายในการดำเนินธุรกิจ ที่ QTCGP จะเป็นผู้ลงทุนหลักในธุรกิจพลังงานไฟฟ้า (Power Flagship) ของกลุ่มบริษัทฯและจะเพิ่มมูลค่าของบริษัทฯ
รวมทั้งยังช่วยสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้จากการลงทุนทีมีอัตราผลตอบแทนที่เหมาะสมต่อเนื่อง และเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในระยะยาวให้กับบริษัทฯ โดยธุรกิจด้านพลังงานผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเป็นธุรกิจที่มีความผันผวนต่ำโดยบริษัทฯ จะได้รับผลตอบแทนจากการจำหน่ายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement) ให้แก่รัฐบาลสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ รวมทั้งสิ้นเป็นระยะเวลา 30 ปี นับจากวันเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ระยะที่ 1 ผ่านการลงทุนในโครงการฯ อันจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ และเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันในธุรกิจของบริษัทฯ ในระยะยาว
นอกจากนี้ ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่อบทบาทของบริษัทฯ ในการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการดำเนินการดังกล่าวเป็นระดับสากล ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสในการขยายการลงทุนธุรกิจพลังงานในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องและกว้างขวางยิ่งขึ้นทั้งในและต่างประเทศโดยเฉพาะในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์