นายพูลพัฒน์ ศรีเปล่ง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความเสี่ยง ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากการจัดทำดัชนีธุรกิจกรุงไทย (Krung Thai Business Index: KTBI) ซึ่งธนาคารได้สำรวจความเชื่อมั่นของลูกค้านักธุรกิจกว่า 2,200 รายทั่วประเทศ โดยสำรวจทุกไตรมาสนั้น ปรากฏว่าในไตรมาสที่ผ่านมา ดัชนีเพิ่มขึ้นเหนือระดับปกติ ต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับการขยายตัวของ GDP ไตรมาสแรก โดย 4 กลุ่มธุรกิจที่มีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น และอยู่เหนือระดับปกติ ได้แก่ ธุรกิจการเงินและประกันภัย ธุรกิจก่อสร้าง โดยเฉพาะกลุ่มรับเหมาโครงการภาครัฐ ธุรกิจพาณิชยกรรม ได้แก่ธุรกิจขายรถยนต์ในประเทศ ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจขายอาหารและเครื่องดื่ม ขายปลีกน้ำมันและเชื้อเพลิง ธุรกิจอุตสาหกรรม ประกอบด้วยอุตสาหกรรมเหมืองหิน ทราย ผลิตวัสดุก่อสร้าง ชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตอาหาร ผลิตยางแผ่น และยางแท่ง โดยธุรกิจเหล่านี้ ส่วนใหญ่ยอดขายเพิ่มขึ้น หรือได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
"หากจำแนกตามภูมิภาค พบว่าความเชื่อมั่นของนักธุรกิจเพิ่มขึ้นใน 4 ภูมิภาค ได้แก่ กรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งได้รับผลบวกจากการเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐมากที่สุด ภาคกลางและภาคตะวันตก ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นมากที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ ปัจจัยบวกมาจากการส่งออกสินค้าและการค้าชายแดนฝั่งตะวันตก โดยการส่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ น้ำตาล และเครื่องดื่มช่วยหนุนธุรกิจในภูมิภาค ภาคเหนือ ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ซึ่งได้รับอานิสงค์จากการท่องเที่ยวที่ยังขยายตัวในเกณฑ์ดี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นจากแรงหนุนของรายได้เกษตรกรที่ดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้ปลูกอ้อยและยางพารา อย่างไรก็ดี ผลกระทบจากน้ำท่วมรุนแรงในพื้นที่ภาคใต้ และความซบเซาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ความเชื่อมั่นในภาคตะวันออกและภาคใต้ลดลง"
นายพูลพัฒน์ ศรีเปล่ง กล่าวต่อไปว่า ผลสำรวจยังพบว่านักธุรกิจคาดหวังว่าเศรษฐกิจโดยรวม จะมีแรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐ เม็ดเงินพัฒนากลุ่มจังหวัดจากงบกลางปีที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น รวมถึงการเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม และในเขตเศรษฐกิจ EEC แต่ยังมีความกังวลต่ออุปสงค์ในประเทศที่ยังเปราะบาง ค่าเงินผันผวน ความล่าช้าของการลงทุนภาครัฐ และความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างประเทศ สำหรับแนวโน้มความเชื่อมั่นในไตรมาสที่ 2 คาดว่ามีโอกาสทรงตัว แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว เนื่องจากพืชผลสำคัญบางชนิด เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าว ราคาเริ่มปรับลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า การลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นตัวดี รวมทั้งเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง