นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า ตลาดกลับมามีความกังวลในเรื่องความเสี่ยงทางการเมืองระหว่างประเทศที่สูงขึ้น จากเหตุการณ์ก่อการร้ายกลางกรุงลอนดอนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และยังต้องติดตามปัจจัยการเมืองจากการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษในวันที่ 8 มิ.ย.ต่อเนื่องด้วยการเริ่มเจรจาเรื่อง Brexit ระหว่างอังกฤษกับสหภาพยุโรปอีกด้วย นอกจากนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีมติเป็นเอกฉันท์ ออกมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติมต่อเกาหลีเหนือ ที่ทดสอบยิงขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง และสหรัฐฯ ขู่ว่าจะใช้ทุกมาตรการจัดการกับเกาหลีเหนือรวมทั้งการใช้กำลังทหาร ทำให้ตลาดมีความกังวลเพิ่มเติม
นอกจากนี้ การที่ทรัมป์ถอนตัวออกจากสนธิสัญญาปกป้องสภาพแวดล้อม (ข้อตกลงปารีส) ก่อให้เกิดความกลัวว่า สหรัฐจะยิ่งเร่งขุดน้ำมันขึ้นมา กดดันราคาน้ำมันและหุ้นพลังงานทั่วโลกให้ปรับตัวลดลง
ด้านยุโรป ยังต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 8 มิ.ย. ซึ่งคาดว่าน่าจะคงนโยบายการเงิน และคงดอกเบี้ย
ด้านปัจจัยบวกในต่างประเทศที่หนุนตลาดหุ้น คือ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเป็นบวก ตัวเลขภาคการผลิตของยุโรป เป็นบวก และตัวเลขกำไรของบริษัทญี่ปุ่นโตขึ้นกว่า 20% ทั้งนี้ จากความเสี่ยงต่าง ๆ จึงส่งผลให้ตลาดหุ้นไปต่อได้ไม่มากนักในสัปดาห์นี้
ด้านตลาดหุ้นไทย คาด SET Index สัปดาห์นี้ เคลื่อนไหวในกรอบแคบระหว่าง 1,560-1,575 จุด
สำหรับ Trading Idea สัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ เลือกหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี คือ หุ้น BCH ของ บมจ. บางกอก เชน ฮอสปิทอล จากแนวโน้มที่เราคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี อีกทั้ง BCH ยังเป็นหุ้น Top pick จากหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลทั้งสามที่เราศึกษา
เนื่องจาก BCH มี EBITDA margin สูงสุด รวมถึงมีกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงในกลุ่มคนไข้ที่หลากหลายตั้งแต่กลุ่มคนไข้ประกันสังคม ตลอดจนคนไข้ชาวต่างชาติ
แม้กำไรของ BCH จะชะลอตัวในไตรมาส 1/60 แต่นั่นเป็นเพราะว่าจำนวนผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม เราเห็นว่ามีปัจจัยบวกรออยู่ ซึ่งรวมถึงฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปกติ ในขณะที่ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคัลคาดว่าจะเริ่มแสดง EBITDA เป็นบวกนับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป หนุนโดยการเปิดคลินิกใหม่ ๆ และการออกกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีอีกปัจจัยบวกอีกหนึ่งประการรออยู่จากแนวโน้มการปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายจากสำนักงานประกันสังคม ซึ่งรายละเอียดคาดจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อ BCH อย่างมาก เนื่องจากบริษัทมีจำนวนผู้ประกันตนสูงถึงประมาณ 781,000 ราย ณ ไตรมาส 1/60
"ปัจจุบัน บริษัทมีโรงพยาบาลทั้งหมด 11 แห่งในเครือข่าย และมีอีก 4 โครงการโรงพยาบาลใหม่ หนึ่งในนั้นคือ โรงพยาบาลเกษมราษฎร์อินเตอร์เนชั่นแนล (เวียงจันทน์) ที่ลาว เราคาดการณ์กำไรจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 21.2%ในปี 60 ก่อนลดระดับมาเติบโตที่ 9.4% ในปี 61 โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 16.00 บาท" นายวรุตม์ กล่าว
ด้าน Technical รูปแบบราคา ของ BCH แม้ว่าจะยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิด สัญญาณซื้อรายเดือน แต่ทั้งในระยะสั้นและระยะกลางยังคงอยู่ในช่วงการปรับฐาน โดยหากสามารถปิดตลาดได้เหนือ13.50 บาท จะเกิดสัญญาณซื้อรายวันครั้งใหม่ และหากปิดตลาดรายสัปดาห์เหนือ 13.30 บาท จะเกิดสัญญาณซื้อรายสัปดาห์ครั้งใหม่ ทั้งนี้ BCH มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 13.30 บาท โดยหาก BCH มีความแข็งแกร่งที่มากพอด้วยการ Breakเป้าหมายเบื้องต้นที่ 13.30 บาทไปได้ จะมีเป้าหมายถัดไปอยู่ที่ 13.80 บาท และมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 14.20 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ BCH มีแนวต้านที่ 13.20, 13.50, และ 13.80 บาท และแนวรับที่ 12.70, 12.40, และ 12.10 บาท