ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ ประธานคณะกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด(มหาชน) หรือ AMATA เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2560 ได้เดินทางไปเยือนกรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน เพื่อศึกษาและพัฒนาความร่วมมือในการสร้างเมืองอัจฉริยะ( Smart City) ระหว่างประเทศไทย และสวีเดน โดยได้เดินทางไปเยี่ยมชมโครงการ Hammarby Sjöstad (Hammarby Lake City) ซึ่งเป็นเมืองอัจฉริยะแห่งใหม่ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของสต๊อกโฮล์ม ที่มีความยั่งยืนด้านระบบนิเวศน์ โดยการแปลงพื้นที่อุตสาหกรรมให้กลายเป็นเขตที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
"วัตถุประสงค์ของการเดินทางครั้งนี้ เพื่อมองหาความร่วมมือเรื่องการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดยศึกษารูปแบบและแนวทางปฏิบัติจากกรณีที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคนี้ ทั้งในเรื่องความเป็นอัจฉริยะ และความยั่งยืน ซึ่งจะทำให้บริษัทอมตะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนพื้นที่เมือง หรือเมืองอุตสาหกรรมในประเทศไทยและอาเซียนให้กลายเป็นฐานการผลิตที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน"
โดยการเดินทางไปเยี่ยมชมเมืองอัจฉริยะในกรุงสต๊อกโฮล์มครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากประสบความสำเร็จในการเดินทางไปเยี่ยมชมเมืองอัจฉริยะโยโกฮาม่า (Yokohama Smart City) ประเทศญี่ปุ่นเมืองเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ได้รับแรงผลักดันในการสร้างความร่วมมือในการทำงานร่วมกันระหว่างอมตะสมาร์ทซิตี้ และสวีเดนสมาร์ทซิตี้
ทั้งนี้ บริษัท อมตะฯ ซึ่งเป็นบริษัทผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมเอกชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กำลังอยู่ระหว่างพัฒนาพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ในจังหวัดชลบุรีเป็นเมืองอัจฉริยะ หรือ สมาร์ทซิตี้ มีรูปแบบเป็นเมืองที่มีเทคโนโลยีทันสมัย ทั้งในด้านพลังงานทดแทน มีโครงสร้างพื้นฐานการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพ และการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน
"หนึ่งในยุทธศาสตร์การสร้างมูลค่าเพิ่มของประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 คือการสร้างเมืองอัจฉริยะในใจกลางเขตระเบียงเขตเศรษฐกิจด้านตะวันออก หรืออีอีซี (EEC) ซึ่งบริษัทอมตะฯได้เลือกที่จะจับคู่กับประเทศที่เป็นผู้นำในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ 10 อันดับแรกของโลก ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการพยายามผลักดันประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ได้ ดร.สุรินทร์กล่าว
ประธานคณะกรรมการบริษัท อมตะฯ กล่าวว่า การเดินทางไปเยี่ยมชมครั้งนี้ SAAB Group ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรบของสวีเดนได้ดำเนินการให้เป็นกรณีพิเศษ อีกทั้งทางอมตะฯยังได้มีการประชุมร่วมกับทางผู้บริหารของ SAAB อีกด้วย ซึ่งเป็นการสร้างโอกาสความร่วมมือ กับ SAAB ในประเทศไทยสำหรับโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และเมืองอากาศยาน หรือ Aerospace City ด้วย เพราะรูปแบบเมืองอัจฉริยะด้านอากาศยาน หรือ Smart Aerospace City จะเป็นธีมสำคัญในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะของเราด้วย
ด้านนาย อาร์เน เฮเดน (Mr. Arne Heden) ปรึกษาอาวุโสของ SAAB Group กล่าวว่า จากยอดการใช้เครื่องบินรบกริพเพน (Gripen Fighter) จำนวนมากในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงการเพิ่มจำนวนเครื่องบินกริพเพนของกองทัพอากาศไทย ทำให้มีโอกาสที่บริษัทจะเข้าไปจัดตั้งศูนย์การฝึกอบรม และ MRO ในประเทศไทยแล้ว ทาง SAAB ยังเห็นศักยภาพในการร่วมมือกับอมตะ เกี่ยวกับการพัฒนาสมาร์ทซิตี้อีกด้วย
ทั้งนี้ Hammarby Sjöstad เป็นเขตเมืองใหม่ ซึ่งเป็นโครงการที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจร ซึ่งสามารถเป็นต้นแบบให้กับเมืองอื่นๆได้ เพราะแสดงให้เห็นว่าหากมีการทำแผนแม่บทที่ดี ก็สามารถบรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมได้ ทั้งการทำแผนแม่บทในการลงทุนขั้นต้นในโครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งเน้น การสร้างที่อยู่อาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดี โดยโครงการนี้มีอพาร์ตเมนต์ประมาณ 11,500 ยูนิตและมีประชาชนอยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ประมาณ 36,000 คน