หุ้นไทย มิ.ย. ไซด์เวย์กรอบ 1530-1600 จุด

อังคาร ๐๖ มิถุนายน ๒๐๑๗ ๑๗:๓๑
ทรีนีตี้ประเมินดัชนีหุ้นไทย มิ.ย. ผันผวนออกด้านข้างในกรอบ 1530-1600 ต่อเนื่อง แม้ค่าเงินบาทแข็งค่า แต่ส่วนใหญ่ไหลเข้าพันธบัตร เชื่อแบงก์ชาติจัดการได้ ประเมินธนาคารกลางสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยกลางเดือนนี้ไม่ส่งผลกระทบเหตุตลาดรับรู้แล้ว แนะซื้อขายตามกรอบเน้นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ ประเมินการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยเดือนมิถุนายนนี้จะยังคงแกว่งตัวไซด์เวย์ออกด้านข้างต่อไปในกรอบ 1530-1600 จุด แม้ว่าปัจจุบันค่าเงินบาทจะแข็งค่าค่อนข้างมาก แต่เป็นการแข็งค่าจากเม็ดเงินที่ไหลเข้าตลาดพันธบัตร โดยเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังคงบริหารจัดการค่าเงินบาทในช่วงระดับ 34 บาทต่อดอลลาร์ได้ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยนั้นถูกจำกัดด้วยพื้นฐานกำไรที่ไม่ได้เติบโตมากตามราคาหุ้นที่สูงอยู่ ดังนั้นกลยุทธ์จึงแนะนำให้ซื้อที่บริเวณแนวรับ 1530-1540 จุด และขายที่บริเวณแนวต้าน 1590-1600 จุด

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในเดือนมิถุนายน ประกอบด้วย การเลือกตั้งทั่วไปของประเทศอังกฤษในวันที่ 8 มิถุนายน ซึ่งล่าสุดโพลสำรวจบ่งชี้ว่าพรรคอนุรักษ์นิยมที่นำโดยนายกรัฐมนตรีคนเก่า นางเทเรซา เมย์ มีคะแนนนำพรรคแรงงานอยู่ประมาณ 10% หากผลออกมาในกรณีจริง คาดว่าจะทำให้กระบวนการนำอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) มีแนวโน้มเป็นไปอย่างราบรื่น และน่าจะทำให้บรรยากาศการลงทุนทั่วโลกอยู่ในเกณฑ์ดีต่อไป

ส่วนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในวันที่ 13-14 มิถุนายน คาดการณ์ว่าจะมีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 1.00-1.25% และประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯจะยังไม่มีการให้รายละเอียดเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นการลดขนาดงบดุล (Balance sheet) ดังนั้นจึงไม่น่าจะมีผลกระทบที่มีนัยสำคัญ เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยนั้นเป็นสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่รับรู้ไปแล้ว

นอกจากนี้ยังต้องติดตามการพิจารณาของ MSCI ในวันที่ 20 มิถุนายน ว่าจะนำหุ้นจากดัชนี A-Shares ของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของการคำนวณดัชนี MSCI EM หรือไม่ เนื่องจากอาจจะมีผลกระทบต่อการปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยได้บ้าง แต่หากเกิดขึ้นจริง ก็ไม่น่าจะมีนัยสำคัญมากนัก โดยคาดว่าน้ำหนักหุ้นไทยในดัชนีMSCI EM จะถูกปรับลดลงเพียงแค่ 0.01% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ระดับ 2.2% หรือคิดเป็นเม็ดเงินไหลออกเพียงราว 5,000ล้านบาทเท่านั้น

"ปัจจุบัน ดัชนีหุ้นไทยอยู่บริเวณ 1560 จุด ซึ่งอยู่ในระดับกึ่งกลางจากกรอบบนและกรอบล่างของเรา เราจึงยังไม่แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน หรือ ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นในทางใดทางหนึ่ง แนะนำถือหุ้นประมาณ 50% ของพอร์ตในเวลานี้ พร้อมเลือกถือหุ้นที่น่าสนใจเป็นรายกลุ่มไปก่อน"

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจประจำเดือนมิถุนายน ประกอบด้วย กลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับสภาวะตลาดเวลานี้ที่มีความผันผวนต่ำ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีรายได้มั่นคงและให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง โดยแนะนำBCPG, EGCO, RATCH

กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีมูลค่าพื้นฐานน่าสนใจ เหมาะสำหรับการลงทุนในระยะยาว แนะนำหุ้นSCB, TCAP, TISCO กลุ่มบรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีปลายน้ำที่เริ่มเห็นการปรับตัวของ Spread ที่ดีขึ้น ได้แก่AJ, PTL, VNT, UTP

นอกจากนั้นยังสามารถที่จะดักซื้อหุ้นที่มีแนวโน้มถูกนำเข้าสู่การคำนวณดัชนี SET50 ในรอบถัดไป แต่ต้องเลือกหุ้นที่ราคายังไม่ปรับขึ้นมากนักได้แก่ BPP, JAS

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๒๑ 60 ปีแห่งความมุ่งมั่น! คาโอ คว้ารางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น 2 ประเภทในปี 2567 ชูความสำเร็จด้านสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม
๑๗:๒๓ AVATR ก้าวสู่ความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่! ระดมทุนในรอบ Series C ได้มากกว่า 11,000 ล้านหยวน พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าหรูหราแห่งอนาคต
๑๗:๐๖ Zoom เปิด 10 เทรนด์ ใช้ AI ในการทำงานปี 2568
๑๗:๑๐ เปิดมุมมองอาชีพที่หลากหลายในอุตสาหกรรมกาแฟไทย เจาะลึกบทบาทและแนวทางยกระดับสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
๑๗:๑๔ อนาคตแห่งการเดินทาง: 5 คนขับ AI จากแอปเรียกรถ Maxim
๑๗:๕๕ Well-Being House บ้านชั้นเดียวเอาใจคนวัยเกษียณ
๑๗:๑๖ กทม. แจงเปิดกว้างการแข่งขันโครงการเช่าคอมพิวเตอร์พกพาสำหรับนักเรียน
๑๖:๓๗ รายงาน Ericsson Mobility Report ฉบับล่าสุด เผยผู้เริ่มให้บริการ 5G กลุ่มแรกกำลังมุ่งสู่โมเดลธุรกิจที่เน้นประสิทธิภาพ
๑๗:๒๕ เมดีซ กรุ๊ป ร่วมสมทบทุนสนับสนุนมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ช่วยผู้ป่วยในชนบท ถิ่นทุรกันดารที่ห่างไกล
๑๖:๔๔ CNN จับตา นวัตกรรมล่าสุดจากนักวิจัยไทย พลิกโฉมการตรวจคัดกรองความเครียดด้วย เหงื่อ