บอร์ด MAX อนุมัติลุยธุรกิจปาล์มน้ำมัน (ซื้อ 1 ได้ถึง 3!!) รอรับกำไรระยะยาว

พุธ ๐๗ มิถุนายน ๒๐๑๗ ๐๙:๕๓
บริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MAX รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ ถึงผลการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 10/2560 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2560 ว่าได้มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าซื้อหุ้นสามัญในบริษัท เอชเอ็นซี เพาเวอร์ จำกัด ("HNC") จำนวน 1,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 100 บาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้ว มูลค่ารวมไม่เกิน 280 ล้านบาท จากบริษัท เคอาร์ซี แอดวานซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด พร้อมทั้งขออนุมัติงบประมาณการลงทุนในบริษัท เอชเอ็นซี พาวเวอร์ จำกัด โดยบริษัทจะเข้าทำรายการภายในเดือนมิถุนายน 2560 หลังการเข้าซื้อหุ้นบริษัทจะได้รับผลพลอยได้ 2 รายการคือ โรงงาน CPOA และโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 4 MW ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีเนื่องจากโรงงาน CPOA กำลังจะเริ่มดำเนินก่อสร้าง มีขนาดกำลังการผลิตที่ 60/75 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง และ ขนาดกำลังไฟฟ้า 4 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ภายในปลายปี 2560 และจะสร้างเสร็จและเปิดดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2562

ปัจจุบัน HNC ได้ดำเนินธุรกิจผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ และจัดจำหน่าย น้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มดิบ กากเมล็ดในปาล์ม (อาหารสัตว์) ปุ๋ยอินทรีย์ และพลังงานทดแทน มีกำลังการผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์มที่ 3,000 ตันต่อเดือนหรือ 36,000 ตันต่อปีและจัดจำหน่ายน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มดิบ กากเมล็ดในปาล์ม (อาหารสัตว์) ปุ๋ยอินทรีย์ อีกทั้งมีการถือหุ้นในบริษัทย่อย 2 แห่ง ได้แก่ 1) บริษัท ริชฟิลด์ ออยล์ จำกัด (ถือหุ้นร้อยละ 100) ซึ่งปัจจุบันกำลังดำเนินการก่อสร้างโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ ขนาดกำลังการผลิตที่ 60/75 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ต้นปี 2562 2) บริษัท เอชเอ็นซี กรีน เอนเนอร์จี จำกัด (ถือหุ้นร้อยละ 100) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าและพลังงานทดแทน หากแต่ยังไม่ได้เริ่มกิจการ เนื่องจากจะต้องดำเนินการพร้อมกันกับโรง CPOA เพื่อนำน้ำเสียจากโรงดังกล่าวมาเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตพลังงานไฟฟ้า คาดว่าจะก่อสร้างและขายไฟฟ้าได้ในช่วงกลางปี 2562

โดยบริษัทมองหาและศึกษาการลงทุนในด้านต่างๆ เพื่อมุ่งหวังที่จะสร้างผลกำไรอันสูงสุดให้แก่ตัวบริษัทและกลุ่มผู้ถือหุ้น และจากการศึกษาพบว่าการเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้ามนปัจจุบันมีสภาวะการแข่งขันค่อนข้างสูงมาก อัตราผลตอบแทนที่บริษัทจะได้รับจากโครงการโรงไฟฟ้าค่อนข้างต่ำมาก เฉลี่ยอัตราผลตอบแทนเพียง 7-8% เท่านั้น บริษัทจึงต้องพิจารณาจัดสรรเลือกลงทุนเฉพาะในโครงการที่จะสร้างผลประโยชน์หรือผลตอบแทนให้แก่บริษัทสูงที่สุดจากเงินทุนที่มีค่อนข้างจำกัด ทางฝ่ายบริหารจึงได้ศึกษาโครงการของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจผลิตน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ และจัดจำหน่ายน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ น้ำมันปาล์มดิบ กากเมล็ดในปาล์ม (อาหารสัตว์) ปุ๋ยอินทรีย์ และพลังงานทดแทน ซึ่งน่าสนใจและเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างยั่งยืนจากความต้องการพื้นฐานในการอุปโภคบริโภค ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศจะอยู่ในช่วงเศรษฐกิจขาขึ้นหรือขาลงก็ตาม แต่การอุปโภคบริโภคมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นทุกปี และแนวโน้มในการเจริญเติบโตของความต้องการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทน เราจึงได้เล็งเห็นถึงโอกาสการเจริญเติบโตอย่างมีศักยภาพของกลุ่มธุรกิจดังกล่าว

ด้านประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับบริษัทในการเข้าทำรายการคือ สามารถเพิ่มรายได้และผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัท ทำให้บริษัทมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นในระยะยาว, บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการดำเนินงานได้เร็วขึ้นกว่าที่บริษัทจะไปเริ่มธุรกิจตั้งแต่ต้น, จากการที่ฝ่ายบริหารและที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัทได้ร่วมกันประเมินและศึกษาความเป็นไปได้ของการลงทุนในโครงการดังกล่าว ด้วยการจัดทำประมาณการทางการเงิน และคำนวณผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการ (Project IRR) ได้ร้อยละ 16.60 ทำให้คาดได้ว่าการลงทุนในโครงการดังกล่าวจะสามารถสร้างผลตอบแทนในอัตราที่เหมาะสมให้กับบริษัท มีศักยภาพในการทำกำไรและทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวนโยบายของบริษัท เนื่องจากบริษัทได้สนใจในธุรกิจพลังงาน ซึ่งธุรกิจดังกล่าวก็เป็นส่วนหนึ่งที่เกี่ยวเนื่องกันกับธุรกิจพลังไฟฟ้า และยังให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าธุรกิจโรงไฟฟ้าอย่างเดียว, ราคาที่ลงทุนเป็นราคาที่สะท้อนเฉพาะธุรกิจปัจจุบันเพียงธุรกิจเดียวบนกำลังการผลิตในอดีตของบริษัท โอกาสที่บริษัทจะได้รับส่วนแบ่งกำไรที่เพิ่มมากขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิตจากโรงงานในปัจจุบันคือ CPKO เป็น 45% มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากและยังมีธุรกิจต่อเนื่องอีก 2 ธุรกิจ ซึ่งทางบริษัทจ่ายเงินลงทุนเพียงธุรกิจเดียว ทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทน upside gain ซึ่งเป็นผลตอบแทนเพิ่มขึ้นจากการผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนในปัจจุบันด้วย

ทั้งนี้บริษัทได้วางเงินมัดจำจำนวน 100 ล้านบาท โดยมีหุ้นบริษัท เอชเอ็นซี พาวเวอร์ จำกัด จำนวน 1,275,000 หุ้น หรือสัดส่วน 51% ของทุนจดทะเบียน(ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 250 ล้านบาท) มาวางเพื่อเป็นหลักประกัน เพื่อตรวจสอบข้อมูลธุรกิจ (Due Diligence) รวมถึงการประเมินมูลค่ากิจการ การตรวจสอบสถานะทางกฎหมาย ทางบัญชี และอยู่ภายใต้เงื่อนไขความพึงพอใจในผลของการตรวจสอบข้อมูลธุรกิจ

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๐ ธ.ค. ASMT ผนึก TFT ร่วมลงนามด้านวิชาการด้านอุตสาหกรรมการบิน
๒๐ ธ.ค. กรมวิชาการเกษตร เดินหน้า ถ่ายทอดองค์ความรู้การผลิตอะโวคาโดคุณภาพ สร้างรายได้เพิ่มให้เกษตรกรกว่า 2 แสนบาท/ไร่
๒๐ ธ.ค. Dow มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพผลิตภัณฑ์ Personal Care ควบคู่ความยั่งยืน ตอบโจทย์ผู้บริโภคตลาดเครื่องสำอางในภูมิภาคเอเชีย
๒๐ ธ.ค. โอซีซี มอบความรู้ พัฒนาอาชีพให้ผู้ต้องขังหญิง
๒๐ ธ.ค. ดร.นุชนารถ ชลคงคา นำทีมสถาบัน ESTC จัดอบรมให้ Karmakamet
๒๐ ธ.ค. กนภ. เห็นชอบร่าง พรบ. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลไกสำคัญสู่เส้นทางเศรษกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันฯ
๒๐ ธ.ค. WePlay x คอลแลบตัวละครสุดปัง! พบกับมินิเกมใหม่ และการ์ตูนสุดน่ารักที่คุณจะต้องหลงรัก
๒๐ ธ.ค. เดลต้า ประเทศไทย และ WEnergy Global ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อขับเคลื่อนอนาคตพลังงานสีเขียว
๒๐ ธ.ค. ความภาคภูมิใจของ ไลอ้อน กับ 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ เผยผลงานโดดเด่นกับหลายรางวัลที่ได้รับในปี 2567
๒๐ ธ.ค. NOBLE คว้าเรทติ้งสูงสุด ระดับ AAA SET ESG Ratings ประจำปี 2567 ยกระดับองค์กรสู่ความยั่งยืนภายในแนวคิด Live Different ตามกรอบ