บลจ.กสิกรไทย เผยมุมมองการลงทุนตราสารหนี้ไทยยังน่าสนใจ พร้อมชูกองทุนแนะนำ ให้เลือกลงทุนทั้งช่วงระยะสั้น-กลาง-ยาว

พฤหัส ๐๘ มิถุนายน ๒๐๑๗ ๑๑:๓๑
นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่าในช่วงที่ผ่านมาหลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมปี 2559 ตลาดตราสารหนี้ได้รับแรงกดดันจากทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ส่งผลให้ผลตอบแทนค่อนข้างมีความผันผวนโดยเฉพาะในตราสารระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาวอายุตั้งแต่ 5-10 ปีปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของไทยปรับตัวขึ้นสอดคล้องกัน และกดดันราคาพันธบัตรให้ปรับตัวลดลง ส่วนตราสารหนี้ระยะสั้นของไทยไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีปัจจัยภายในประเทศจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดวงเงินประมูลพันธบัตรระยะสั้นเพื่อลดช่องทางการใช้เป็นที่พักเงินของผู้ลงทุนต่างชาติ ขณะที่ยังมีแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลทำให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลไทยระยะสั้นอายุตั้งแต่ 3 - 6 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น

"ส่วนภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2560 แม้ว่าธนาคารกลางของสหรัฐฯ(FED) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยปรับขึ้น 0.25% และล่าสุดคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีก 0.25% ในการประชุม FOMC ที่จะถึงในวันที่ 13-14 มิถุนายนนี้ แต่ตราสารหนี้ไทยได้รับผลกระทบน้อยกว่าเมื่อเทียบกับการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเมื่อช่วงปลายปี 2559 โดยแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของไทยที่มีอายุ 1-20 ปี ปรับตัวลดลงเพียง 0.05-0.20% เนื่องจากประมาณการอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระยะยาวของผู้แทน FED (longer run dot plot) ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศยังคงดำเนินไปอย่างช้าๆ และอัตราการเติบโตของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ไทยอยู่ในระดับต่ำ ทำให้สภาพคล่องในระบบยังคงอยู่สูง และเศรษฐกิจไทยยังมีสถานะเกินดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรของไทยยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ โดยตั้งแต่ต้นปีถึง ณ เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีเงินลงทุนสุทธิจากนักลงทุนกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 9 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไทยอยู่ที่ระดับ1.50% ไปจนถึงสิ้นปี ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ประกอบกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและปัญหาการเมืองในหลายประเทศ ทำให้นักลงทุนส่วนหนึ่งยังคงต้องการเข้าลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยและกระจายลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้ ซึ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยบวกทำให้ราคาตราสารหนี้ไทยยังอยู่ในทิศทางที่ดีและมีความน่าสนใจลงทุน" นายชัชชัยกล่าว

นายชัชชัยกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงครึ่งปีหลัง กองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทยจะเน้นการปรับอายุเฉลี่ยของตราสารที่ลงทุน ให้สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด และมีการจับจังหวะการลงทุนเพื่อโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น โดยบลจ.กสิกรไทยมีกองทุนตราสารหนี้ให้เลือกหลากหลายตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมและระยะเวลาที่ต้องการลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว สำหรับผู้ลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้น้อยมากและต้องการพักเงินในช่วงระยะสั้นประมาณ 1-2 เดือน อาจเลือกลงทุนในกลุ่มกองทุนตลาดเงินหรือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น อาทิ กองทุน K-MONEY และกองทุน K-SF ซึ่งทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 30% และ 50% ตามลำดับ ส่วนผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 1.00% และ 1.30% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 26 พ.ค. 60)

สำหรับผู้ที่สามารถลงทุนได้ตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป บลจ.กสิกรไทยแนะนำกองทุน K-PLAN 1 ซึ่งมีนโยบายลงทุนในเงินฝาก รวมถึงตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ โดยจะลงทุนในต่างประเทศได้ไม่เกิน 20% ทั้งนี้กองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 1.50% และกองทุนยังได้รับการจัดอันดับ 4 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ ส่วนผู้ลงทุนที่สามารถลงทุนได้ในระยะกลางถึงยาวตั้งแต่ช่วง 1-3 ปี และสามารถรับความเสี่ยงได้เพิ่มขึ้น ก็สามารถเลือกลงทุนกับกองทุน K-FIXED ที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ไทยทั้งภาครัฐและเอกชน โดยกองทุนให้ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 1.46% ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปีอยู่ที่ 3.11% ต่อปี นอกจากนี้กองทุน K-FIXED ยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 26 พ.ค. 60) และได้รับรางวัลกองทุนตราสารหนี้ยอดเยี่ยมถึง 3 ปีซ้อน จาก Morningstar Thailand Fund Awards 2015 -2017

นอกจากนี้เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกโอกาสรับผลตอบแทนที่แน่นอน อาจเลือกลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทที่มีกำหนดอายุโครงการ (Term Fund) ซึ่งบลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายเป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยกองทุนที่เปิดเสนอขายในระหว่างวันที่ 6 – 12 มิถุนายน 2560 ประกอบด้วย 2 กองทุน ได้แก่ กองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน ดีเจ (KFF6MDJ) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.50% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี ซีแซท (KFF1YCZ) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.70% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวจะเน้นลงทุนในเงินฝากและบัตรเงินฝากของธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินในต่างประเทศ และกองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ของบลจ.กสิกรไทย สามารถลงทุนเริ่มต้นเพียง 500 บาท โดยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถาม KAsset Contact Center 0 2673 3888

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๑ ก.พ. รฟท. จัดรถไฟส่งผู้ชุมนุมขบวนคนจนเมืองเพื่อสิทธิที่อยู่อาศัย เครือข่ายสลัม 4 ภาค กลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ
๒๑ ก.พ. BCPG เผยผลการดำเนินงานปี 2567 กำไรสุทธิกว่า 1,800 ล้านบาท เติบโต 65% จากปีก่อน พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลัง
๒๑ ก.พ. เกรท นำทีมศิษย์เก่า ฟอส-แบงค์ ฉลองครบรอบ 40 ปี ม.รังสิต เปิดตัว คริส หอวัง กับบทบาท ครูผู้ฮีลใจนักศึกษา แห่งสถาบัน
๒๑ ก.พ. ธนาคารกรุงเทพ ประกาศจ่ายเงินปันผล หุ้นละ 8.50 บาท สำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2567
๒๑ ก.พ. GULF เคาะแล้ว! อัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้อายุ 4-10 ปี ที่ 3.00 - 3.55% ต่อปี พร้อมเสนอขายประชาชนทั่วไป 27-28 ก.พ. และ 3 มี.ค.68 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 10
๒๑ ก.พ. Selena Gomez, benny blanco, Gracie Abrams ส่งเพลงสนุกๆ โดนใจ Gen-Z Call Me When You Break Up การรวมตัวของอเวนเจอร์วงการเพลงป็อปที่ทุกคนรอคอย!
๒๑ ก.พ. MBK Care อาสาทำดี ปันน้ำใจสู่สังคม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ ปีที่ 7 ส่งมอบความสุขเพื่อผู้พิการทางสายตา พร้อมสิ่งของอุปโภคบริโภค
๒๑ ก.พ. บางจากฯ ปรับโครงสร้างธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพและความคล่องตัวของกลุ่มบริษัทบางจาก
๒๑ ก.พ. สวยทุกลุค ชมพู่ - อารยา ถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ของสาว GUESS ในแคมเปญคอลเลกชัน Spring Summer 2025 สีสันแห่งฤดูกาลใหม่
๒๑ ก.พ. วช. เปิดศูนย์การเรียนรู้โดรนเพื่อการเกษตร ต้นแบบการยกระดับประสิทธิภาพภาคการเกษตรของจังหวัดกาฬสินธุ์ ณ