นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เปิดเผยถึงแนวโน้มผลงานการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/60 โดยทิศทางรายได้คาดว่าจะลดลงจากช่วงไตรมาส 1/60 ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกในไตรมาสที่ 2 มีการปรับตัวลดลงกว่า 150 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่ยอดขายยังคงอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสที่ 1/60 ที่ผ่านมา อีกทั้งในไตรมาสที่ 2 บริษัทมีการบริหารสินค้าในระดับที่ต่ำ ซึ่งจะช่วยให้ผลกระทบจากขาดทุนสต๊อกลดลง
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 60 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะกลับมาเติบโตแตะ 60,000 ล้านบาทได้ หากราคา LPG ตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ระดับ 500 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งราคา LPG ตลาดโลกเฉลี่ยไตรมาสที่ 1 อยู่ระดับ 520 เหรียญสหรัฐต่อตันจากปี 59 ซึ่งมีรายได้ที่ 48,161.41 ล้านบาท ซึ่งราคา LPG ตลาดโลกเฉลี่ยอยู่ที่ 340 เหรียญสหรัฐต่อตัน และประมาณการยอดขายแก๊สเติบโตราว 5% หรือคิดเป็นปริมาณการขายแก๊ส 3.2 ล้านตัน เปรียบเทียบกับปี 59 ที่ปริมาณการขายแก๊สอยู่ที่ 3.04 ล้านตัน โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจากปริมาณการขายแก๊สในต่างประเทศเป็นหลัก โดยบริษัทเน้นกลยุทธ์ในการขายปลีกเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งในปี 60 บริษัทได้ขออนุญาตในการนำเข้าก๊าซ LPG เพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกับชายแดนของประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขายมากขึ้นจากปีก่อนที่ยังไม่มียอดขายส่งออกในส่วนนี้
"การทำธุรกิจ LPG ในต่างประเทศยังเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งได้ประมาณการณ์เติบโตไว้ราว 6% จากปีก่อน โดยเฉพาะในตลาดจีนที่คาดว่าจะยังคงเติบโตได้ราว 5% และ 10% จากมาเลเซีย จากการที่บริษัทมีแผนที่จะสร้างโรงบรรจุก๊าซฯเพิ่มเติมในมาเลเซียฝั่งตะวันตกทางตอนเหนือจำนวน 3 แห่ง โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100-200 ล้านบาท ซึ่งแต่ละที่จะมีขนาด 3,000 ตัน ซึ่งจะทำให้ยอดจำหน่ายในมาเลเซียตะวันตกเพิ่มขึ้น 6,000-7,000 ตันต่อเดือน"นางจินตณา กล่าว
นางจินตณา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่กระทรวงพลังงาน เปิดเสรีนำเข้า LPG เพื่อนำมาจำหน่ายในประเทศตามนโยบายเปิดเสรี บริษัทได้นำเข้าก๊าซ LPG ลำแรกเมื่อช่วงปลายเดือนก.พ.ที่ผ่านมา จำนวน 33,000 ตัน และล่าสุดจนถึงเดือนมิ.ย. 2560 มียอดนำเข้ารวมประมาณ 187,000 ตัน และคาดว่าจนถึงสิ้นปีนี้จะมียอดนำเข้าก๊าซ LPG รวมทั้งสิ้นประมาณ 500,000 ตัน ซึ่งมั่นใจว่าการนำเข้าก๊าซ LPG บริษัทสามารถบริหารจัดการได้หมด และสนับสนุนรายได้ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯและบริษัทย่อยงวดไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2560 บริษัทฯมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 1,143.19 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2559 ซึ่งมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 40.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,103.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2,746.59 โดยบริษัทฯมีรายได้รวม 14,341 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 2,7771.94 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.96 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 11,569.06 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากธุรกิจจำหน่ายก๊าซ LPG ในต่างประเทศ ที่มีปริมาณการขายเพิ่มขึ้นและจากราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลก ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าปีก่อนมาก โดยราคาก๊าซ LPG ในตลาดโลกโดยรวมในไตรมาส 1/60 ราคาอยู่ที่ 520 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมตริกตัน เทียบกับไตรมาส 1/59 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 324 ดอลลาร์สหรัฐต่อเมตริกตัน