คุณเกษสุดา ไรวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เนื่องจากเทรนด์ผู้บริโภคทั่วโลกปี 2560 ให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารสุขภาพ ส่งผลให้สินค้าเพื่อสุขภาพมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น สินค้าออร์แกนิค สินค้าจากวัตถุดิบธรรมชาติที่น่าเชื่อถือ รวมทั้งการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของผู้ผลิต ผนวกกับแบรนด์ S&P ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคมากว่า 44 ปี ในเรื่องเอกลักษณ์รสชาติต้นตำรับของอาหารไทยทั้งอาหารคาวและหวาน นอกจาก S&P ยังเป็นผู้นำร้านอาหารไทยและเบเกอรี่ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศกว่า 400 สาขาแล้ว เรายังมีร้านอาหารไทยในต่างประเทศภายใต้แบรนด์ต่างๆ เช่น ร้าน "ภัทรา ฟายน์ ไทย ควิซีน" (Patara Fine Thai Cuisine) รวมทั้งยังมีโรงงานผลิตอาหารแช่แข็งและเครื่องดื่ม และโรงงานผลิตเบเกอรี่ ด้วยศักยภาพของ S&P ที่กล่าวมาแสดงถึงความเป็นผู้นำและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารไทยของประเทศ (Thai food Expertise) เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารไทยในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพ และสามารถเป็นผู้นำในการเผยแพร่อาหารไทยสู่ตลาดโลกได้
ในปี 2560 นี้ เราได้ออกผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็งใหม่ (Frozen Food) หลากหลายประเภทเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายทั้งในรูปแบบอาหารไทยคาว-หวาน และทานเล่น ภายใต้กลยุทธ์ใหม่ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน แต่ยังคำนึงถึงสุขภาพที่ยั่งยืนของผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ของเราด้วย สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารไทยแท้อาหารแช่แข็งที่เปิดตัวในงาน THAIFEX 2017 แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มอาหารมังสวิรัติ ภายใต้แบรนด์ 'S&P Vegan' มี 5 เมนู ได้แก่ 1.ข้าวกล้องงอกแกงเขียวหวาน 2. ข้าวแกงเผ็ด 3.ผัดไทย (ไม่ใส่ไข่) 4.ข้าวผัดแปดเซียน 5.บะหมี่ผัดซอส กลุ่มอาหารมังสวิรัติมาคู่กับข้าวกล้องงอกออร์แกนิคและข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิค มี 6 เมนู ได้แก่ ข้าวกล้องงอกออร์แกนิคแกงเขียวหวาน ข้าวกล้องออร์แกนิคแกงเผ็ด ข้าวกล้องออร์แกนิคผัดแปดเซียน ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิคแกงเขียวหวาน ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิคแกงเผ็ด และข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิค แปดเซียน
นอกจากอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งแล้ว S&P ยังเอาใจผู้บริโภคที่ชื่นชอบการทำอาหารด้วยตนเองอย่างผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องแกงไทย ที่สามารถหาซื้อได้ง่าย สะดวกในการนำมาประกอบอาหาร เก็บไว้ได้นาน และที่สำคัญคือไม่ใส่ผงชูรส ไม่เจือสีและสารสังเคราะห์ ซึ่งดีต่อสุขภาพ อาทิ ชุดอาหารไทยน้ำ แกงเขียวหวาน ชุดอาหารไทยน้ำปรุงผัดไทย ชุดอาหารไทยน้ำแกงมัสมั่น ชุดอาหารไทยน้ำแกงแดง และชุดอาหารไทยน้ำแกงพะแนง
และกลุ่มขนมทานเล่น ประกอบด้วย กลุ่มคุ้กกี้และเค้กบัทเทอร์ได้แก่ คุ้กกี้ทุเรียน คุ้กกี้รสต้มยำ คุ้กกี้ดอกคำฝอย เค้กบัทเทอร์ทุเรียน เค้กบัทเทอร์อัญชันตะไคร้มะนาว เค้กบัทเทอร์ตะไคร้ต้มยำ และกลุ่มแปรรูปผลไม้อบแห้ง (Freeze dried) ได้แก่ ทุเรียน และขนุน"
นอกจากนี้ คุณเกษสุดา ยังได้เผยถึงทิศทางตลาดอาหารแช่แข็ง 'S&P Quick Meal' ในอนาคตไว้ว่า "ในปี 2559 เรามีอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์แช่แข็งมากกว่า 50% จึงทำให้เรามั่นใจในศักยภาพตลาดส่งออกที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บวกกับกระแสความต้องการบริโภคอาหารไทยที่เพิ่มมากขึ้น S&P จึงได้วางแผนทางการตลาดในอนาคตที่จะขยายฐานการส่งออกไปทั่วโลก ปัจจุบันเราส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยัง 15 ประเทศ ทั้งในทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป ทวีปเอเชีย และทวีปออสเตรเลีย สำหรับในปี 2560 ได้ประมาณการยอดขายส่งออกคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 60% และคาดหวังยอดขายแตะหลัก 100 ล้านบาท ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า"
ภายในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ S&P คุณเกษสุดา ยังได้ร่วมทำ Cooking Show เมนู Vegetarian & Organic Thai Rice ได้แก่ ผัดไทยไม่ใส่ไข่และข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิคแกงเขียวหวานเจ เพื่อให้ผู้ร่วมงานที่บูธ ได้ลิ้มลองรสชาติกับเมนูใหม่ของ S&P อีกด้วยท่ามกลางผู้ที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ บูธที่ 015-022 โซนเรดดี้ทูอีท อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี เมื่อวันก่อน