ซึ่งภายในงานได้เรียนเชิญ นพ. ฮยอน โจ คิม แพทย์ด้านความงามผู้มีชื่อเสียงในระดับสากล จากประเทศเกาหลี มาบรรยาย และสาธิตการใช้นวัตกรรมโปรตีนสลายริ้วรอย ผ่านเทคนิค นาโบลิฟท์ (Nabolift) ผสมผสานร่วมกับการใช้ ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่มีเทคโนโลยี อี – บริด (e – brid Technology Filler) ในการปรับโครงสร้างของใบหน้าทั้งชายและหญิงให้ดูดี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีความเป็นธรรมชาติ
นพ.ฮยอน โจ คิมได้แบ่งปันเทคนิค ประสบการณ์ และข้อมูลที่น่าสนใจว่า "เปรียบเทียบกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ช่วงที่ผมเพิ่งเปิดคลินิกของตัวเอง พบว่าช่วงเวลานั้นมีผู้ใช้บริการที่เป็นผู้ชายประมาณ 2% เท่านั้น ในขณะที่ปัจจุบันมีมากถึง 30% ซึ่งถือว่ามากขึ้นจากเดิมเยอะมาก ทั้งนี้เพราะผู้ชายเหล่านั้นเห็นว่าการที่ตนเองดูดีขึ้น จะทำให้เป็นที่น่ารู้จักมากขึ้น และช่วยเปิดโอกาสในเรื่องของหน้าที่การงานที่มากยิ่งขึ้นด้วย ผมเชื่อว่า Botulinum Toxin จะเป็นที่ต้องการของผู้ชายมากขึ้น สังเกตจากในปัจจุบันมีการผลิตเครื่องสำอางสำหรับผู้ชายออกมามากขึ้นเพื่อดูแลผิวพรรณ
สำหรับ นาโบลิฟท์ (Nabolift) เทคนิคนี้ เป็นเทคนิคใหม่ที่คนไทยสามารถเข้าถึงได้ง่าย ช่วยให้ใบหน้าแลดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่ต้องการเห็นผลลัพท์ที่รวดเร็ว ผลลัพธ์อยู่ได้ระยะยาว เทคนิค นาโบลิฟท์ (Nabolift) จะช่วยยกกระชับใบหน้า แก้ม ให้ดูอ่อนกว่าวัย จึงเป็นเทคนิคใหม่ล่าสุดที่นิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบันนี้มาก
ในการสาธิตวันนี้ ผมได้ผสมผสาน นวัตกรรมโปรตีนสลายริ้วรอย ผ่านเทคนิคนาโบลิฟท์ (Nabolift) ร่วมกับ ผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์จากประเทศฝรั่งเศสที่มีเทคโนโลยี อี – บริด (e – brid Technology Filler) ซึ่งผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์นี้ ผมเห็นว่ามีคุณภาพที่ดี มีความปลอดภัยสูง ไม่เคลื่อนตัวจากบริเวณที่ฉีด และมีความคงตัวอยู่ได้นานตามระยะเวลาที่ระบุไว้ ซึ่งราคาก็สมเหตุสมผลเข้าถึงได้สำหรับคนไทย
ผมเห็นว่าการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพและมีความปลอดภัยสูงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้คนไข้ปลอดภัยจากผลข้างเคียงและแพทย์ก็วางใจในผลลัพธ์จากการใช้ผลิตภัณฑ์ได้ และหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไว้วางใจได้ ร่วมกับเทคนิคการฉีดที่ดีอย่าง เทคนิคนาโบลิฟท์ (Nabolift) จะทำให้สามารถปรับโครงหน้าได้ดี มีความเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นาน องค์ความรู้ทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ด้านความงามในเมืองไทยเป็นอย่างมากครับ "
ด้านศาสตราจารย์ นายแพทย์ วรพงษ์ มนัสเกียรติ ศูนย์เลเซอร์ผิวหนังศิริราช กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานในครั้งนี้ว่า "งานประชุมวิชาการนานาชาติ ADAC นี้เราจัดขึ้นมาเป็นปีที่ 3 แล้ว จุดประสงค์ในการจัดงาน เกิดจากเราเห็นว่าปัจจุบันนี้เทรนในด้านความงามหรือที่เรียกว่า aesthetic กำลังมาแรงมาก ทั้งหมอ ทั้งคนไข้ สนใจเพื่อที่จะทำให้ตัวเองดูหนุ่ม ดูสาวขึ้น เทรนด์ทางด้านความงามนี้เริ่มต้นมาจากซีกฝั่งยุโรป อเมริกา ซึ่งเทคโนโลยีหรือความรู้หลายๆอย่างเราเอามาใช้กับผิวของคนเอเชียไม่ได้ เราจึงจัดงานนี้มาเพื่อโฟกัสด้านความงามของคนเอเชียโดยใช้วิทยาการ หรือความรู้ตรงนี้มาปรับให้เข้ากับผิวของคนเอเชีย โดยเราเชิญวิทยากรจากทั่วโลก ทั้งวิทยากรทางด้านเอเชียเอง อย่างไทยเราเอง เกาหลี จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น และทางด้านยุโรปมาร่วมงาน กระแสตอบรับการจัดงาน ADAC ดีขึ้นเรื่อยๆ ปีแรกที่เราเริ่ม ADAC มีหมอทั้งคนไทยและต่างชาติมาลงทะเบียนประมาณ 250 ท่าน ปีที่2 ก็ขยับมาประมาณ 400 ท่าน จนมาถึงปีนี้ที่เราจัดเป็นปีที่ 3 ตอนนี้ก็ 500 กว่าท่านแล้ว ก็นับว่าเป็นงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติที่มีแพทย์จากทุกมุมโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ"
ในงานประชุมวิชาการนานาชาติครั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจาก คุณ จิยง รา, รศ.ดร.รังสิมา วณิชภักดีเดชา, ศาสตราจารย์ นายแพทย์วรพงษ์ มนัสเกียรติ, ดร.ทรงวุฒิ ศักดิ์ชลาธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท อินเตอร์ ฟาร์มา จำกัด, นพ. ฮยอน โจ คิม, นพ.เกรียงไกร อ่าวอุดมพันธ์ และ คุณ ชอง แจวุง ร่วมงาน ณ โรงแรม Radisson Blu Plaza Bangkok (เรดิสัน บูล พลาซ่า กรุงเทพฯ) ถนนสุขุมวิท ด้วย